วันอังคารที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2555

To be New EMR/OHSMR : Blog 22

Blog 22
บริษัท เค เอส เนชั่น คอนซัลแตนท์ จำกัด
KS NATION CONSULTANT CO.,LTD.
เลขที่ 823/28  ถนนพรหมาสตร์  ตำบลบางปลาสร้อย  อำเภอเมือง  จังหวัดชลบุรี  20000
ติดต่อ K.NAT K.Sun Mobile: 081 3029339, 081 6493828, 083 2431855
E-Mail:  ksnationconsultant@hotmail.com, isoiatf@hotmail.com   
Bangkok Fax: 02 7441859
Line ID: iatf16949
ให้คำปรึกษาและอบรมทุกระบบ ISO
ให้บริการเป็น QMR/EMR/OHSMR สำหรับ SME 
รักษาระบบ ISO แทนตำแหน่งที่รอสรรหา
"นึกถึงไอโซ่ เซฟตี้ โทรหา" 
081 3029339 ติดต่อ QMR & เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยวิชาชีพ

ณ วันนี้ ระบบบริหารคุณภาพ ค่อนข้างจะนิ่ง ไม่เปลี่ยนแปลง
ISO9001:2015 ยังน่าจะใช้รับรองอีกสักระยะ ไม่ปรับเวอร์ชั้น
แต่ด้านความปลอดภัยกับด้านแรงงาน น่าจะมีความเข้มงวดขึ้น

วันที่ 1 มิถุนายน 2565 PDPA: Personal Data Protection Act
หลักสูตรแนะนำใหม่
พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
Personal DATA Protection Act. PDPA
ส่วนองค์กรขนาดเล็ก ข้อมูลน้อย มีกฎหมายลูกยกเว้น
สามารถนำมาจัดทำระบบรองรับเพื่อให้ข้อมูลมั่นคงปลอดภัย
สนใจหลักสูตร การประยุกต์ใช้งาน PDPA อย่างมีประสิทธิผล
ผู้เข้าอบรม เช่น ฝ่าย HR ขายและการตลาด จัดซื้อ บัญชี วิศวกรรม ซ่อมบำรุง และ จปว.

วันที่ 10 มิถุนายน 2565 จะมีผลบังคับใช้ โรงงานที่มีพนักงาน
ตั้งแต่ห้าสิบคนขึ้นไป ต้องมีจัดทำมาตรฐานระบบการจัดการ
อาชีวอนามัย ความปลอดภัย....
ดังนั้นโรงงานที่ได้รับรอง ISO45001:2018 ถือว่า มีครบถ้วนแล้ว

โรงงานที่ต้องมี บุคลากรเฉพาะรับผิดชอบความปลอดภัยการเก็บรักษาวัตถุอันตราย: บฉ ที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมรับผิดชอบ พ.ศ.2551      มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 18 เมษายน 2554 ช่วงนี้คนเข้าทดสอบมาก
โรงงานที่เข้าข่ายนี้ เข้าใจง่ายๆ คือ
1 มีวัตถุอันตราย 1,000,000 กิโลกรัมต่อปี ทั้งผลิต นำเข้า ส่งออก
2 พื้นที่จัดเก็บวัตถุอันตรายตั้งแต่ 300 ตารางเมตรขึ้นไป
3 เข้าข่ายวัตถุไวไฟ สารออกซิไดซ์ และสารเปอร์ออกไซด์
แต่ถ้ามีใช้สารเคมีอันตรายตั้งแต่ 1,000 กิโลกรัมต่อปี
ต้องรายงานกรมโรงงานอุตสาหกรรมทุกสิ้นเดือนมีนาคมของทุกปี
เพิ่มจากที่ส่งรายงาน สอ.1  วัตถุอันตรายให้กระทรวงแรงงาน
ทุกสิ้นเดือนมกราคมของทุกปี

โรงงานที่ตั้งในนิคมอุตสาหกรรม ที่ใช้ก๊าซไวไฟหรือของเหลวไวไฟ
ที่มีปริมาณครอบครองตั้งแต่ 4,545 กิโลกรัม ต้องทำ 
PSMProcess Safety Management 
เพื่อความปลอดภัยจากไฟไหม้และเกิดการระเบิด
ถ้าทำระบบ ISO จะเข้าใจ มีทำ Internal Audit, Management Review
รวมถึงให้ External Auditor มาตรวจ ณ โรงงาน

หลักสูตรยอดนิยม 
Leadership & Supervisory & POKA YOKE
การ์ดไม่ตก ใส่แมส จัดระยะห่าง ล้างมือด้วยเจลเสมอ
ISO9001:2015, ISO13485:2016
ISO14001:2015, ISO45001:2018
ISO31000:2018 การบริหารความเสี่ยง ISO&IATF 
ISO14971:2019 RM for Medical Devices
IATF16949:2016, ISO19011:2018 Internal Auditor
Control of Documented Information ทุก ISO
ผู้เข้าอบรมที่ผ่านเกณฑ์ KS ออก Training Certificate ให้ทุกท่าน
Click: quality1996-quality1996.blogspot.com/
Mobile: 0813029339, 0886560247   Line ID: iatf16949

In-House Training and Consulting
ให้คำปรึกษา จัดทำระบบ อบรมภายใน
หลักสูตร FMEA What’s Change in The New AIAG & VDA 1st Edition 2019.
หลักสูตรบรรยายหนึ่งวันเต็ม บรรยาย DFMEA, FMEA-MSR และ PFMEA
สำหรับโรงงานที่มี Design พนักงานเข้าใหม่ วิศวกรใหม่ หรือผู้สนใจ
หลักสูตรที่สอง การประยุกต์ใช้ PFMEA by AIAG & VDA 1st Edition 2019.
โรงงานส่วนใหญ่ทำ PFMEA ในขอบข่ายการผลิต (Manufacturing)
New FMEA By AIAG & VDA First Edition 2019 
AP แทนที่ RPN ติดตามที่ Blog 60 & 63 Click: quality1996-quality1996.blogspot.com/

KS Training and Consulting
ให้คำปรึกษา จัดทำระบบ อบรมภายใน
ราคาพอเพียง ลูกค้าพึงพอใจ 
โดยวิทยากรคุณภาพและประสบการณ์ด้าน ISO เป็นเวลาถึง 28 ปี
ผ่านงานทั้ง CB Auditor, QMR/EMR/OHSMR/
Food Safety Team Leader และงานจริงจากโรงงานต่างๆ
"as your require"
หลักสูตรต่างๆ ราคาพิเศษ หรือดูจากโบชัวร์ที่จัดส่งให้

หลักสูตรฝึกอบรม
FMEA What’s Change in The New AIAG & VDA 1st Edition 2019.
การประยุกต์ใช้ PFMEA in The New AIAG & VDA 1st Edition 2019.
ข้อกำหนด การบริหารความเสี่ยง และผู้ตรวจติดตามภายใน
Requirements, Risk Management, Internal Auditor
ISO9001:2015 QMS
ISO14001:2015 EMS
IATF16949:2016 AQMS
Genius QMR/EMR/SMR
ISO45001:2018 OH&SMS
The Manager & Leadership
ISO/FSSC22000:2018 FSMS
GHP/BRC/HACCP/ ISO17025
7 Quality Management Principles
ISO31000:2018 การบริหารความเสี่ยง
Root Cause Analysis/ 5S/ Walk Rally
การคิดแบบมีตรรกะ (Logical Thinking)
ISO13485 Medical Device/ ISO22301 BCMs
ISO19011:2018 แนะนำแนวทางการตรวจประเมิน
Core Tools: APQP/ PPAP/ FMEA/ SPC/ MSA/ 8D
Genius Supervisory/ ISO & IATF16949 Awareness
Control of Documented Information for ISO/IATF16949
การบริหารการเปลี่ยนแปลง (Management of Change: MOC)
หลักสูตรอื่นๆออกแบบให้ตามที่ต้องการอบรม"as your require"

สำหรับ ISO45001:2018 แตกต่างกับ OHSAS18001:2007 
มาตรฐานใหม่ฉบับนี้ประกาศใช้แล้วเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2018
แต่ OHSAS18001:2007 ยังให้การรับรองได้จนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2021 ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2021 จะมีแต่ ISO45001:2018 เข้ามาแทนที่ สามารถคลิ๊กไปอ่านที่ link   http://safetysolving.blogspot.com/

คุณภาพเป็นเลิศ  ราคาพอเพียง  ลูกค้าพึงพอใจ
823/28 ถนนพรหมาสตร์ อำเภอเมือง ชลบุรี    
081 3029339, 081 6493828, 083 2431855 
โทรสาร 02 7441859
ksnationconsultant@hotmail.com 
หรือที่ isobible@gmail.com

ออกใบ Certificate ให้ผู้เข้าอบรมจริงทุกท่าน ค่าฝึกอบรมสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้

In-House Training and Consulting
ให้คำปรึกษา จัดทำระบบ อบรมภายใน
ISO9001:2015, ISO14001:2015, OHSAS18001:2007, ISO50001
Risk Management of ISO31000/ Follow of ISO New Version
Internal Audit of ISO19011
Environmental Legal/ Aspect/ Risk Assessment 
IATF16949:2016 (TS)/ 8D/ Why Why Analysis
APQP, PPAP, FMEA, MSA, SPC (Integrated 5 Core Tools)
GHP/HACCP/ BRC/IFS/ ISO/FSSC 22000 
GMP Asean/ GMP EU/ Primary GMP
ISO13485, ISO17025, ISO45001, ISO22301 (BCM)
Genius MR (Task of QMR/EMR/OHSMR/EnMR)
SA8000/ ISO26000/ TL9000/ AS9100
The Manager and The Leader (ผู้จัดการและผู้นำ)
Genius Supervisory (หัวหน้างานยอดเยี่ยม)
การสื่อสารสัมฤทธิ์ผล (แนวทางของ ISO และ HO REN SO) 
การเพิ่มผลผลิตแบบ Daily Management
การสอนงานแบบ JI  (Job Instruction) 
Document Writing, 5S, Walk Rally
บรรยายหลักสูตรต่างๆและออกแบบหลักสูตรตามที่ท่านต้องการ

ทีมงานพร้อมจัดทำ Pre-Audit, Special Internal Audit และ Supplier Audit
การรวมระบบต่างๆเข้าด้วยกัน
สนใจติดต่อที่ K. Nat, K. Sun
E-Mail : ksnationconsultant@hotmail.com; Mobile :081 3029339, 081 6493828

ออกใบ Certificate ให้ผู้เข้าอบรมจริงทุกท่าน ค่าฝึกอบรมสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
ISO9001: 2015, IATF16949, ISO13485 QMS - Medical Devices
link ดูจาก   http://quality1996-quality1996.blogspot.com/
GHP/HACCP/FSSC/ISO22000/ISO17025  link ดูจาก  http://qualitysolving.blogspot.com/
ISO14001, OHSAS18001, SA8000  link ดูจาก  http://safetysolving.blogspot.com/
Check List of ISO (MS):link ดูจาก  http://McQMRtraining-McQMR.blogspot.com/
หรือ SA8000 Check List link ที่    http://McQMRTraining.blogspot.com/

สำหรับโรงงานที่ต้องการควบคุมและกำจัดสัตว์รบกวนและสัตว์พาหะ ทั้งแมลง ปลวก นก หนูต่างๆสามารถติดต่องาน Pest Control โดย Click:   http://www.nanoherb.com
อบรมภายในราคาพิเศษ 
สำหรับลูกค้า KS Nation Consultant Co.,Ltd.
Tel: 081 3029339

บทความด้านระบบการจัดการต่างๆของ McQMR และ Soonthorn  Ngamprompong หรือ                   ของสุนทร งามพร้อมพงศ์ (อาจารย์ศรราม) เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท KS NATION CONSULTANT CO.,LTD. ห้ามสำเนาและคัดลอกโดยไม่ได้รับอนุญาต Copy Right, All Rights Reserved.   

กรณีสงสัยสอบถามได้ที่ E-Mail: ksnationconsultant@hotmail.com ฟรี 
เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ สู่ "โซเชียล ไอโซ่ (Social ISO) เพื่อนแท้ที่แปลกหน้า"

ระบบบริหารสิ่งแวดล้อม อาชีวะอนามัยและความปลอดภัยกับ 

ชิวิตจริงในโรงงาน
(เรื่องการเป็นตัวแทนฝ่ายบริหาร : To be EMR และ OHSMR)

ผู้เขียนจะทยอยเขียนบทความ ในBlog นี้ เริ่มจากหน้าที่ของEMR/OHSMR ซึ่งก็คล้ายคลึงกับ QMR ของมาตรฐาน ISO9001 โดยต้องมีระบุเหมือนๆกับตำแหน่งอื่นๆ ส่วนใหญ่ก็มีระบุในคู่มือสิ่งแวดล้อม(EM) หากเป็น OHSMR ก็ระบุในคู่มืออาชีวอนามัยและความปลอดภัย บางองค์กรก็มีระบุลงไปหรือกำกับลงในแผนผังองค์กร (Organization Chart)  นอกจากนี้ มีจัดทำเป็น JD (Job Description) หรือใบพรรณนาลักษณะงานหรือใบกำหนดหน้าที่งาน 

กรณีสงสัยสอบถามได้ที่ E-Mail: ksnationconsultant@hotmail.com ฟรี 
เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้ สู่ "โซเชียล ไอโซ่ (Social ISO) เพื่อนแท้ที่แปลกหน้า"


Doi Suthep, Changmai Province, Northern of Thailand
หน้าที่ของตัวแทนฝ่ายบริหารสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Environmental Management Representative: EMR; 
Occupational and Safety Management Representative: OHSMR บางที่เรียกสั้นๆว่า SMR)

Blog ที่ 22 :
OHSAS18001:2007 จะปรับเปลี่ยนไปเป็น ISO45001:2018

ผู้เขียนMcQMR ขอเขียนหน้าที่ของ EMR และ OHSMR ควบคู่กันไป หากโรงงานท่านทำแต่ ISO14001 ก็มีแต่ EMR หากทำ OHSAS18001 และ/หรือทำ TIS18001 ต่อไปจะเปลี่ยนเป็นมาตรฐานใหม่ คือ ISO45001 ยังเรียก OHSMR หรือ SMR เอาแบบสั้นๆ บางโรงงานทั้งสองตำแหน่งเป็นคนเดียวกัน แต่บางโรงงานก็แต่งตั้งผู้มาทำหน้าที่เป็นคนละคน ก็แล้วแต่ผู้บริหารแต่ละแห่งพิจารณา
ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าเป็นคนเดียวกันจะเหมาะกว่าเพราะหลายๆงานมีความใกล้ชิดและสัมพันธ์กัน น่าจะก่อให้เกิดประสิทธิผลต่อระบบมากขึ้น หรือการประสานงานน่าจะรวดเร็วขั้น แต่ไม่จำเป็นหรือใช่เสมอไป
หน้าที่มีดังนี้

1 ทำหน้ารณรงค์ ส่งเสริม และรักษาระบบบริหารสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย  ของทั้งองค์กรร่วมกับทุกฝ่ายและให้พนักงานรับรู้ เข้าใจใน "นโยบาย สิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย(Environmental Policy, Occupational and Safety Policy)"
2 สื่อสารให้ทั้งองค์กรรับรู้งานด้านระบบบริหารสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย ทำการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง
3 ติดต่อประสานงานกับทุกฝ่ายในการจัดทำ รณรงค์ ส่งเสริม และรักษาระบบบริหารสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัยของทั้งองค์กร
ติดต่อประสานงานกับบุคคลภายนอก รวมทั้งผู้ตรวจประเมินระบบบริหารสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัยของหน่วยงานให้การรับรอง(Certification Body:CB)
5 จัดทำแผนการตรวจติดตามภายใน(Internal Audit Schedule/Plan) 
6 ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจติดตามภายใน(Internal Audit) ให้ได้ตามแผน
จัดทำรายงาน(Report)ให้ผู้บริหารองค์กรรับทราบและติดตามปัญหาต่างๆ
จัดทำแผนการประชุมงานทบทวนบริหารสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Management Review Meeting Schedule/Plan) และรายงานการประชุมงานทบทวนบริหาสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย(Management Review Meeting Report)ให้ผู้บริหารองค์กรเพื่อให้ดำเนินการประชุมตามที่กำหนดไว้และติดตามผลการปรับปรุง
8 ติดตามผลการตรวจติดตามภายใน(Internal Audit) ให้มีการปฎิบัติการแก้ไขข้อบกพร่องด้านสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย และดำเนินการป้องกัน
9 ติดตามสิ่งที่ผู้บริหารให้คำแนะนำกับทุกฝ่ายว่าได้มีความคืบหน้าและมีการดำเนินงานต่อเนื่อง
10 ทำการควบคุมระบบเอกสารและบันทึกให้เป็นไปตามระเบียบปฎิบัติ(Procedure) ร่วมกับหน่วยงานควบคุมเอกสาร(Document Control Center) และทุกฝ่าย
11 ประสานงานกับฝ่ายบุคคล ให้มีการฝึกอบรมด้านความตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย และหลักสูตรต่างๆที่พัฒนาบุคคลากรในทั้งสองระบบบริหาร

ผู้ช่วย EMR (Assistant Environmental Management Representative) คือใคร
ในข้อกำหนดของ ISO14001 ระบุให้ผู้บริหารกำหนด EMR และไม่ได้กล่าวถึงผู้ช่วย EMR เลย รวมทั้ง  
ผู้ช่วย OHSMR (Assistant Occupational Health and Safety Management Representative) คือใคร (ตาม OHSAS/TIS18001 ก็ระบุเช่นเดียวกันกับ ISO14001)
ต่อมาโรงงานทำระบบบริหารสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย ตัว EMR/OHSMR อาจจะงานมาก บางแห่งเป็น Managerฝ่ายต่างๆ หรือมีภาระกิจหลายอย่าง แต่ละวันมีประชุมก็มาก เลยมีการแต่งตั้งคนอีกหนึ่งคน เข้ามาช่วยงานด้าน ISO ก็คงไม่ผิดกติกาอะไร หน้าที่ของผู้ช่วย EMR/OHSMR ก็แล้วแต่องค์กรจะมอบหมาย ส่วนใหญ่มีหน้าที่ ดังนี้ 

1 ทำหน้ารณรงค์ ส่งเสริม และรักษาระบบบริหารสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัยของทั้งองค์กรร่วมกับ EMR/OHSMR และให้พนักงานรับรู้ เข้าใจใน "นโยบาย สิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย(Environmental Policy, Occupational and Safety Policy)"
2 สื่อสารให้ทั้งองค์กรรับรู้งานด้านระบบบริหารสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย และประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องร่วมกับ EMR/OHSMR
3 ช่วยติดต่อประสานงานกับทุกฝ่ายในการจัดทำ รณรงค์ ส่งเสริม และรักษาระบบบริหารสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัยของทั้งองค์กร
4 ช่วย EMR/OHSMR จัดเตรียมเอกสาร รายงานต่างๆในระบบสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัยให้กับทุกฝ่ายและหน่วยงานภายนอก(Certification Body)
5 ช่วย EMR/OHSMR จัดทำแผนการตรวจติดตามภายใน(Internal Audit Schedule/Plan) 
6 ให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจติดตามภายใน(Internal Audit) ให้ได้ตามแผน
ช่วยจัดทำรายงาน(Report)ให้ EMR/OHSMR และช่วยติดตามปัญหาต่างๆ
7 ช่วยจัดทำแผนการประชุมงานทบทวนบริหารสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Management Review Meeting Schedule/Plan) และช่วยทำรายงานการประชุมงานทบทวนบริหาร  สิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Management Review Meeting Report)ให้ผู้บริหารองค์กรเพื่อให้ดำเนินการประชุมตามที่กำหนดไว้และช่วยติดตามผลการปรับปรุง
8 ช่วยงาน EMR/OHSMR ในการติดตามผลการตรวจติดตามภายใน(Internal Audit) ให้มีการปฎิบัติการแก้ไขข้อบกพร่องด้านสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย และดำเนินการป้องกัน
9 ทำการควบคุมระบบเอกสารและบันทึกต่างๆให้เป็นไปตามระเบียบปฎิบัติ(Procedure) ร่วมกับ       QMR/EMR/OHSMR และหน่วยงานควบคุมเอกสาร(Document Control Center) 
10 ช่วยประสานงานกับฝ่ายบุคคล ให้มีการฝึกอบรมด้านความตระหนักถึงสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย และหลักสูตรต่างๆที่พัฒนาบุคคลากรในระบบบริหาสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย
11 อื่นๆตามที่ได้รับมอบหมายจาก EMR/OHSMR

มื่อถามว่าทุกตำแหน่งต้องมีใบพรรณนาลักษณะงานหรือไม่ คำนี้ในอดีตเรียกแบบนี้ ทั้งไพเราะและดูเป็นวรรณคดี หรือเรียกสั้นๆ JD จำง่าย ปัจจุบัน JD ชอบใช้ภาษาไทยว่า ใบกำหนดหน้าที่งาน
คำตอบคือ ต้องมี จะได้ทราบว่าแต่ละตำแหน่งมี หน้าที่(Duty) บทบาท(Role) ความรับผิดชอบ (Responsibility)เป็นอย่างไร แม้แต่ท่านประธานบริษัท ก็ยังมี แต่ละองค์กรอาจแตกต่างกันไป เพราะการบริหารคุณภาพ สิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย ของแต่ละองค์กรย่อมไม่เหมือนกัน แตกต่างทั้งโครงสร้างองค์กร ความสามารถของบุคลากร โดยประธานบริษัท มักมอบอำนาจการบริหารให้กับกรรมการผู้จัดการ หรือกรรมการผู้จัดการอาจมอบอำนาจต่อให้กับผู้บริหารระดับสูง เช่น ผู้จัดการโรงงาน(Plant Manager)ขององค์กรเพื่อดูแลงานบริหารทุกระบบการจัดการ (All Management Systems: MS) กำหนดนโยบายคุณภาพ สิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย (Three MS Policy) ซึ่งต้องเป็น Commitment ของฝ่ายบริหารออกมา เพื่อให้ทุกคนในองค์กรนำไปปฎิบัติ

การบริหารกิจการภายในบริษัท เมื่อมอบหมายให้กรรมการผู้จัดการ(Managing Director) ถ้าจะเปรียบเทียบกับร่างกายของมนุษย์เรา กรรมการผู้จัดการก็เปรียบเสมือนหัวใจ มีอำนาจเต็ม แม้จะมอบหมายให้ผู้จัดการฝ่ายไปบริหารงาน  ท่านต้องให้ดาบไปด้วย หมายถึงให้อำนาจไปด้วย แต่ตำแหน่งก็เสมือนหัวโขน 

ผู้เขียน ยกตัวอย่างโรงงานหนึ่งที่เคยอยู่ วันหนึ่งมีหลายคนมาบอกว่า พนักงานสามคนปฎิบัติตนไม่ดี ให้ทำอย่างไรก็ได้ให้ออกไปจากองค์กรเพื่อความเจริญผาสุขกับทุกคน ผู้เขียนก็คิดว่า ถ้าทำแล้วครอบครัวของสามคนจะลำบากหรือไม่ ต่อมาพบว่าพนักงานสามคน ทำฟาล์วข้อกติกาที่ห้ามเล่นไฮโลและหวยใต้ดินภายในพื้นที่โรงงานโดยเด็ดขาด ผู้เขียนเป็นผู้ดำเนินการและเสนอให้กับหัวหน้าของผู้เขียนผ่านทางผู้จัดการฝ่ายบุคคล ท่านเห็นด้วยที่ให้เลิกจ้างพนักงานทั้งสามคนอย่างกะทันหัน ผู้เขียนแจ้งตัวต่อตัวกับพนักงานทั้งสามท่านว่าเลิกจ้าง และให้ออกจากโรงงานทันที ต่อมาได้ยินและทราบข่าวว่า กรรมการผู้จัดการท่านเปรยไว้ ถ้าเป็นท่านทำเอง ที่สำนักงานสีลม ท่านให้ไล่ออก แต่คนไม่ดีโรงงานกลับจ้างออก 

ต่อมามีพนักงานอีกหลายคน มาขอผู้เขียนให้ช่วยจ้างออก เพราะอยากได้เงินก้อน ทำให้พบว่า การบริหารผิดพลาด จริงอยู่สามคนออกไป เพื่อตัดและกำจัดวงจรการพนัน เจ้ามือหวย เจ้ามือไฮโลออก เพื่อให้โรงงานก้าวหน้า เพราะจะว่าไปแล้วจะหาหลักฐานมาจับผิดสามคน ค่อนข้างยากมาก ไม่มีใครกล้าเป็นพยาน และที่สำคัญที่สุดจะทำให้หัวหน้าที่เป็นผู้จัดการโรงงานที่เรานับถือต้องเดือดร้อนในอนาคต เพราะท่านคล้อยตามที่เราเสนอให้ปลดพนักงานออกด้วยการจ้างออกแทน 

หลังจากนั้นผู้เขียนจึงตัดสินใจลาออกไปทำงาน Advisor ให้โรงงานแห่งหนึ่งและ จุดนี้ทำให้ผู้เขียนก้าวเข้าสู่การทำที่ปรึกษาในยุคนั้น และเวียนว่ายระหว่างงานที่ปรึกษากับงานที่เป็นระดับจัดการในโรงงานต่างอีกมากมาย จึงได้ไปทำระบบ มาตรฐานและกิจกรรมต่างๆมากมายในชีวิตจริง จึงขอนำประสบการณ์เหล่านี้มาเล่าให้น้องๆที่จบใหม่ไปทำงานโรงงาน เพื่อให้เข้าใจว่าชีวิตจริงในโรงงาน ย่อมแตกต่างจากชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยอย่างมากๆ

ในยุคก่อนๆ มีหวยใต้ดินที่เล่นกันมาก(เดี๋ยวนี้ก็ยังมาก) บางโรงงานผมบอกผู้บริหารให้ท่านยืนหันหลัง แล้วเอามะนาวโยนกลับไป หรือขว้างกลับไป ลูกมะนาวโดนพนักงานคนไหน ก็คนนั้นที่เล่นหวย แต่ยุคนี้มีเพิ่มการพนันฟุตบอล คิดว่าน้องๆโรงงานต้องเตือนใจตนเอง อย่าไปเล่นพนันฟุตบอลมีแต่หมดตัว หากเราออมเงิน20-30% ของเงินเดือน และทุกปีที่ได้เงินโบนัส ให้นำไปซื้อทองสักสองบาท(ตอนนี้คงไม่ได้ เพราะทองแพง) หรือทุกๆสิบปี หาซื้อที่ดินสักหนึ่งงาน ที่ไกลจากตัวเมืองสักหน่อย และนำเงินที่จะไปซื้อหวย โดยชักสามในสี่ส่วนจากการซื้อหวยทั่วไป นำไปซื้อสลาก ธกส และสลากออมสิน ถือเป็นการลงทุนที่ไม่เสี่ยงและมีโอกาสเป็นเศรษฐีได้แค่ทางเดียว เพราะชีวิตลูกจ้าง คงไม่รวยยกเว้นวิธีนี้เท่านั้น ผู้เขียนไม่ได้ส่งเสริมให้ซื้อหวย สุดท้ายเวลาผ่านไปสามสิบปีของอายุการทำงานเรา ก็พอจะมีหลักทรัพย์ไว้ใช้ยามเกษียณงาน  ผู้เขียนเล่าให้ฟังนะครับ อย่าคิดว่าสอนอะไร ขอกลับมาเล่าเรื่อง ISO 14001 Version 2015 & OHSAS18001: 2007 / TIS18001: 2554 ต่อไปคือ ISO45001

ประธานบริษัท (President) : 
ขอยกตัวอย่าง มีหน้าที่ ดังนี้
1  เป็นผู้กำหนดและให้ข้อคิดด้านกลยุทธ์ขององค์กร หรือที่เกี่ยวกับนโยบายสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัย  
    และความปลอดภัย
2  กำหนดทิศทางการลงทุนทางธุรกิจต่างๆเพื่อความสำเร็จ
3  ต้อนรับแขกระดับสูงและบุคคลสำคัญที่มาเยี่ยมชม
4  กระชับสัมพันธ์อันดีกับบริษัทอื่น เพื่อสร้างความร่วมมือทางธุรกิจ
5  หาแหล่งเงินทุนและขยายการลงทุนทางธุรกิจให้เจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น
6  เป็นผู้รับผิดชอบการพิจารณาโครงการสำคัญๆและจัดสรรบุคลากรอย่างมีประสิทธิภาพ
7  เป็นผู้พิจารณาการร่วมลงทุนหรือคู่ค้าจากบุคคลหรือองค์กรภายนอก
8  เป็นผู้ติดตามผลงานและประเมินความสำเร็จของกิจการบริษัท

หลักสูตรที่ EMR/OHSMR ควรอบรม คือ 
1 Lead Assessor Course ซึ่งต้องใช้เวลาอบรม 5 วัน แต่ค่าเรียนขึ้นกับว่าไปเช้าเย็นกลับ ไม่มีพักค้างโรงแรม ราคาประมาณ หนึ่งหมื่นกว่าบาทถึงสองหมื่นกว่าบาท แต่ก่อนนิยมเรียนและต้องพักค้างโรงแรมชั้นหนึ่ง อาหารพร้อม ค่าสัมมนาก็สามหมื่นกว่าบาทต่อคน ที่ให้ไปเรียนต่างจังหวัด เช่น พัทยา หรือโรงแรมในเขตเมือง เพื่อจะได้หยุดงานชั่วคราวและมีสมาธิเต็มที่ในการอบรม หากเรียนที่โรงงานคิดว่าระหว่างอบรม เดี๋ยวก็ถูกตามเข้าไปดูปัญหางาน เดี๋ยวก็มีโทรศัพท์เรียกตัว จนทำให้การอบรมไม่ได้ประสิทธิผล การสัมมนาอบรมหลักสูตรนี้ เนื้อหาการเรียนค่อนข้างหนัก มี Workshop ด้วย สุดท้ายมี สอบ เดี๋ยวนี้ บริษัทไม่ค่อยส่งพนักงานเข้าอบรมหลักสูตรนี้ อาจเพราะว่า ต้องการประหยัด ปัจจุบันนี้ก็ตกหลักสูตรละสองหมื่นบาท หรือมากกว่าสองหมื่น ซึ่งขึ้นกับ CB หรือหน่วยงานที่จัดอบรม

2 Internal Audit Course มีการอบรมภายนอกตามสถานที่ต่างๆ(Publish Training) เช่น ที่ สสท. จะใช้เวลา 3 วัน ความเข้มของหลักสูตรก็น้อยกว่าหลักสูตรที่ 1  มาช่วงหลังๆ โรงงานนิยมจ้างที่ปรึกษาหรือหน่วยงานรับรอง เช่น MASCI, SGS, TUV Nord, Intertek Moody, TUV Rheinland, URS, BVQI, Lloyd อื่นๆ ไปสอนภายใน(In-house Training) ปรับหลักสูตรเหลือ 2 วัน บางแห่งใช้เวลาอบรมเพียง 1 วัน ก็มี จึงทำให้เวลาอบรมไปแล้ว ยังทำการตรวจติดตามไม่ค่อยได้ หรือพอทำได้แต่ยังไม่เข้าใจถ่องแท้ ก็คงต้องตรวจไปสักหลายครั้งและเวลามีผู้ตรวจสอบจากภายนอกมาตรวจติดตามผล(Surveillance) หลังได้เรียนรู้จากของจริง นานวันเข้าก็จะกระจ่างชัด กลายเป็นกระบี่มือหนึ่ง (ดูบ้างหรือเปล่า ที่ทีวีช่อง 7)
นอกจากนี้เท่าที่ทราบ  MASCI ก็มีสอนโดยเรียนทางInternet หรือ E-Learning ไม่แน่ใจว่าเรียกถูกต้องหรือไม่ เพียงสมัครและจ่ายเงินแล้ว ก็เปิดComputer หาความรู้ได้สะดวกสบาย สนใจก็สอบถามไปยังสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ (MASCI)

3 หลักสูตรพื้นฐานด้าน ISO หรือหลักสูตรเกี่ยวกับข้อกำหนดของ ISO มักใช้เวลาสัมมนาเพียง 1 วัน ก็ควรไปเรียนเพิ่มเติม หากเข้าใจในข้อกำหนดทุกอย่างก็ง่าย จริงอยู่ สองหลักสูตรข้างบน เวลาไปสัมมนา หลักสูตร Lead Auditor หรือ Internal Auditor จะมีการทบทวนข้อกำหนด(Requirement)ให้ แต่ใช้เวลาสั้นๆ 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น

4 นอกจากนี้ก็ยังมีหลักสูตรต่างๆ เช่น วิธีการควบคุมเอกสาร วิธีการจัดทำใบJD การเป็น EMR/OHSMR วิธีการรักษาระบบ การบริหารงานคลังสินค้าให้สอดคล้องกับระบบบริหารคุณภาพ อื่นๆ

ขั้นตอนการขอรับรองจาก Third Party พอสรุปได้ดังนี้

1  การสมัครขอรับการรับรอง คือบริษัทลงข้อความและรายละเอียดครบถ้วนลงในใบสมัคร แล้วยื่นสมัครที่หน่วยงานให้การรับรอง (Certification Body: CB) ที่ท่านต้องการ ในไทยมีมากกว่า สามสิบแห่ง แต่ละแห่ง อาจกำหนดเงื่อนไขและค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกัน โดยมักให้ลงข้อมูล เช่น
1.1 ให้บอกรายละเอียดของบริษัท ชื่อ ที่อยู่ สถานประกอบการ แผนที่ตั้ง ประเภทธุรกิจ และอื่นๆ
1.2  แนบสำเนาใบประกอบการต่างๆ เช่น หลักฐานการได้รับอนุมัติจัดตั้งบริษัท ใบทะเบียนพาณิชย์ ใบประกอบกิจการหรือกรรมสิทธิ์แสดงการเป็นนิติบุคคล บริษัท ห้างร้าน
1.3  กรณีประธานบริษัท และ/หรือกรรมการผู้จัดการมอบอำนาจให้บุคคลอื่นดำเนินการแทน ให้แนบใบมอบฉันทะไปด้วย กรณีเป็นชาวต่างชาติให้สำเนาหนังสือเดินทาง(Passport) แทนบัตรประจำตัวประชาชนและทะเบียนบ้าน
1.4 ให้แนบขั้นตอนกระบวนการผลิต และ/หรือ บริการ
1.5  แจ้งขอบข่ายและมาตรฐานที่จะขอรับการรับรอง
1.6  นำส่งคู่มือสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย (EM/OHSM) จำนวนอย่างละ 1 เล่ม
บางองค์กรมีการรวมระบบที่เรียกว่า Integrate หรือ Merge จะมีเล่มเดียวเขียนควบกัน (สามารถส่งให้ทาง E-Mail) บางองค์กรที่ให้การรับรอง อาจร้องขอระเบียบปฎิบัติ(Procedure) พร้อมกัน หรือนำส่งภายหลังวันที่สมัคร แต่ควรล่วงหน้าก่อนวันนัดตรวจประเมินเบื้องต้น หรือตรวจขั้นที่หนึ่งสัก 15 วัน (เพื่อให้ทีมตรวจประเมินศึกษาในรายละเอียดและวางแผนการตรวจประเมินทั้งระบบ) ขอเน้นว่าเอกสารครบถ้วน ครบทั้งคู่มือคุณภาพ และระเบียบปฎิบัติ อาจได้รับการตรวจประเมินเร็วขึ้น เร็วกว่าบริษัทที่เอกสารไม่พร้อม หรือไม่ผ่านการประเมินระบบเอกสาร นับเป็นการพิจารณาความพร้อมด้านระบบเอกสารของแต่ละบริษัท
หมายเหตุ ผู้ที่รับมอบอำนาจส่วนใหญ่มักเป็น EMR/OHSMR แต่บางองค์กรอาจให้ฝ่ายบุคคล หรือฝ่ายกฎหมายที่อยู่ ณ สำนักงานใหญ่กรุงเทพฯไปยื่นก็ได้ เนื่องจากตัว EMR/OHSMR อาจอยู่โรงงานต่างจังหวัดหรือไม่สะดวกที่จะมากรุงเทพฯ
1.7 ปัจจุบัน CBs ได้อำนวยความสะดวก สามารถส่งข้อมูลทาง E.Mail ได้เช่นกัน โดย CBs จะส่งเอกสารให้ทาง E-Mail ให้กรอกข้อมูลส่งกลับไปก่อนนัดหมายตรวจ Stage 1 Audit

2  การตรวจสอบเบื้องตัน (Preliminary Visit) คือการที่เจ้าหน้าที่จากองค์กรที่ให้การรับรอง ไปตรวจสอบเบื้องต้น ณ โรงงานหรือสถานประกอบการ ที่ยื่นขอรับการรับรอง ใช้เวลาประมาณ 1 วัน แต่ก่อนคือไม่คิดค่าใช้จ่าย บางหน่วยงานให้การรับรองอาจข้ามไปตรวจประเมินที่เรียกว่าการตรวจประเมินขั้นที่หนึ่ง (Stage 1 Audit) 
แต่จุดประสงค์ของการตรวจสอบเบื้องต้นคือ 
2.1  เพื่อสำรวจดูความพร้อมของบริษัทนั้นๆในการจัดทำระบบบริหารสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย
2.2  ตรวจสอบว่ากิจกรรมของการทำงานมีครบหรือไม่ มีการทำงานกี่กะ และอื่นๆ
2.3  ขอบข่ายที่ขอรับการรับรองครอบคลุมอะไรบ้าง หากบางผลิตภัณฑ์ หรือบริการที่ไม่ครอบคลุม จะถูกตัดออกจากขอบข่ายที่ขอรับการรับรอง แต่โรงงาน บริษัทก็สามารถขอเพิ่มหรือลดขอบข่ายได้
2.4  ประเมินจากงานและกิจกรรมต่างๆ ว่าจะใช้เวลาตรวจประเมินจริงกี่วัน ปัจจุบันหน่วยงานให้การรับรอง ปรับเปลี่ยนไป ใช้ข้อมูลที่สมัคร จำนวนพนักงานขององค์กร แล้วกำหนดจำนวนวันตรวจประเมินว่ากีวัน(Man-Days) แทนการไปตรวจสอบเบื้องต้น 

 ขั้นตอนการประเมินเอกสาร(Document Assessment) คือ ผู้ตรวจประเมินจากหน่วยงานที่จะให้การรับรอง ทำการประเมินว่าระบบเอกสารในระบบบริหารสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดยประเมินจาก คู่มือสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย(EM/OHSM) ระเบียบปฎิบัติ(Procedure) ว่าสอดคล้องกับมาตรฐาน ISO 14001และ OHSAS/TIS18001 หรือไม่ ขาดสาระสำคัญ หรือมีข้อบกพร่องใดบ้าง จะทำการแจ้งให้ผู้ขอรับการรับรองทราบโดยผ่านทาง EMR/OHSMR ทราบต่อไป  

 การตรวจประเมินเบื้องต้น (Pre-Assessment) คือการตรวจประเมินครั้งแรก ก่อนที่จะตรวจประเมินจริงอีกครั้ง อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นกับแต่ละ CB (หลังจากส่งเอกสารต่างๆให้กับ CB แล้ว)

5 การตรวจประเมินขั้นที่ 1 (First Step Audit หรือ Stage 1 Audit)  เป็นการตรวจประเมินเอกสาร ก่อนมาตรวจจริง มักเรียกว่า Desktop Audit หากไม่มาตรวจหน้างานก็ถือเป็น Off Line Audit หากว่ามีมาตรวจที่หน้างาน(On-Site) ด้วยก็สามารถทำได้ ขึ้นกับการพิจารณาในหลายประเด็นและหากตรวจพบสิ่งบกพร่องเพื่อแจ้งให้ทำการแก้ไขปรับปรุงให้แล้วเสร็จก่อนการตรวจขั้นที่ 2 (หากโรงงานทำการตรวจติดตามภายใน(Internal Audit )มาดี เข้มแข็ง ตรวจจริงจัง ก็ไม่น่าจะพบข้อบกพร่อง หรือพบน้อยมาก) แต่ในชีวิต กลับไม่ใข่เช่นนั้น ตรวจเมื่อไร ก็พบ สุ่มตรงไหนก็เจอ ก็เป็นการสะท้อนว่าการตรวจติดตามภายใน(Internal Audit ) ยังไม่เข้มแข็งเท่าที่ควร

6  การตรวจประเมินขั้นที่ 2 (Second Step Audit) คือการตรวจประเมินจริง หรือ Stage 2 Audit ครั้งที่สอง ต่อจากครั้งแรก ระยะเวลาอาจจะห่างกันประมาณ 15-30 วัน หรือมากกว่า ขึ้นกับความพร้อมของโรงงาน เพื่อติดตามผลการแก้ไขข้อบกพร่อง เป็นการตรวจประเมินทุกกิจกรรมที่อยู่ในระบบบริหาร สิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย จำนวนวันตรวจประเมินแต่ละแห่งอาจไม่เท่ากัน คือขึ้นกับกิจกรรม พื้นที่ และสิ่งที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด หรือข้อบกพร่องที่พบมากน้อยแค่ไหน บริษัทขนาดใหญ่ พื้นที่กว้าง สายการผลิตมาก จะใช้เวลาในการตรวจประเมินที่มีจำนวนวันมากขึ้น เท่าที่ผู้เขียนทราบ บางแห่งตรวจประเมินถึง 15 วันหรือมากกว่าก็มี แต่การตรวจประเมินในปัจจุบัน ผู้ตรวจประเมินมีจำนวนจำกัด การตรวจประเมินแต่ละวันมีการแบ่งทีมตรวจสอบออกเป็น สามถึงสี่ทีม ตรวจประเมินพร้อมๆกัน หากองค์กรต้องการสร้างทีมงานให้เก่ง ให้จัดทีมติดตามผู้ตรวจสอบทุกทีมหมุนเวียนกัน ให้จดทุกอย่างที่ผู้ตรวจสอบถามคำถาม ให้จดทุกสิ่งที่ผู้ตรวจประเมินขอดู เพื่อให้เกิดการเรียนรู้ให้ครบถ้วนทุกขั้นตอน นำมาศึกษาเพิ่มเติมในภายหลัง แต่ก่อนการศึกษาระบบง่ายกว่า เพราะผู้ตรวจประเมินจะไปทีมเดียว เข้าตรวจที่ละฝ่าย ทำให้มองเห็นระบบการตรวจประเมินเข้าใจภายในหนึ่งปี ปัจจุบันต้องเรียกว่า แห่ลงตรวจพร้อมกัน กว่าจะเรียนรู้ทั้งระบบอาจใช้เวลามากกว่า อาจใช้เวลา 2-3 ปีถึงเข้าใจทุกขั้นตอน เข้าใจงานทั้งระบบ

7 การเสนอคณะกรรมการให้การรับรอง คือ กรณีที่ตรวจประเมินแล้วต้องไม่พบข้อบกพร่องสำคัญหรือข้อบกพร่องหลัก(Major) และยังมีข้อบกพร่องทีเรียกว่าวิกฤต (Critical)ที่ถือว่าร้ายแรงมาก เช่นโรงงานปล่อยควันพิษออกมาทำให้เกิดอันตรายทั่วชุมชน ทำน้ำเสียก่อให้แม่น้ำทั้งสายเน่าปลาและสัตว์น้ำตายเรียบ ถ้ามีข้อบกพร่องวิกฤต คิดว่า CB ต้อง Hold ทันที 
หลังการตรวจประเมิน หากผู้ตรวจประเมินพบข้อบกพร่องหลักจะไม่ส่งเรื่องให้คณะกรรมการพิจาณาให้การรับรอง หากพบเป็นข้อบกพร่องย่อย สามารถส่งเรื่องให้การรับรองได้ เงื่อนไขเหล่านี้แต่ละหน่วยงานที่ให้การรับรอง(CB)อาจมีแตกต่างกันบ้าง แต่ก่อนพบสามข้อบกพร่องย่อย(Minor)ถือว่าเป็นหนึ่งข้อบกพร่องหลักในเรื่องเดียวกัน เงื่อนไขนี้ ปัจจุบัน บางCB ก็ยกเลิกไป จะเป็นเพราะเกรงว่าโรงงานจะสอบผ่านยาก หรือการแข่งขันกันด้านธุรกิจก็แล้วแต่จะคิด  ผู้เขียนมองว่า ถ้ามีระบบ พอมีศักยภาพ ก็น่าจะให้สอบผ่านก่อนได้ จากนั้นช่วงการติดตามผล(Surveillance) ค่อยๆไปเร่งให้ปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง คิดว่าตลอดสามปีที่อยู่กับCB คงจะดียิ่งขึ้น

8  การออกใบคำร้องขอให้ปฎิบัติการแก้ไข (Corrective Action Request) คือเมื่อตรวจประเมินพบข้อบกพร่องจะออกใบคำร้องขอให้ปฎิบัติการแก้ไข หรือเรียกสั้นๆว่า CAR หรืออาจเรียก NC (None Conformity) เพื่อแจ้งให้โรงงานดำเนินการแก้ไข คราวหน้าผู้ตรวจประเมินจะมาติดตามผลอีกครั้ง ถ้าออก CAR/NC กรณีข้อบกพร่องย่อย ถือว่าสอบผ่าน เพียงอยู่ในขั้นตอนรอคณะกรรมการให้การรับรอง ส่วนทางโรงงานก็ต้องส่งแผนงานและแนวทางการแก้ไขให้ทีมผู้ตรวจสอบยอมรับก่อน

9  การตรวจติดตามผลการแก้ไข (Follow Up) คือ การตรวจติดตามผลการแก้ไขข้อบกพร่องจากการตรวจประเมินแล้วพบข้อบกพร่องหลัก(Major) แสดงว่าโรงงานสอบไม่ผ่าน ปัจจุบันไม่ค่อยพบเห็นมากนัก มักให้ผ่านก่อน แล้วให้ไปปรับปรุงในครั้งถัดๆไปก็ได้(ผู้เขียนคิดเอง) เมื่อโรงงานทำการแก้ไขแล้วเสร็จ ผู้ตรวจประเมิน จะนำเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณาให้การรับรองต่อไป

10 การตรวจติดตามผล(Surveillance)คือ การตรวจติดตามผลหลังได้รับการรับรองแล้ว แสดงว่าโรงงานสอบผ่านในขั้นตอนการตรวประเมินที่สอง(Stage 2 Audit) แต่ก่อนทุกๆหกเดือนครั้งก็จะมาติดตามผล ปัจจุบันก็ทราบว่าผู้ตรวจสอบมีจำกัด หรือมีคิวตรวจประเมินที่ติดๆกัน ทำให้ไม่สะดวกในการจัดแผนการตรวจติดตามผล บางแห่ง หรือแทบจะส่วนใหญ่ ขยับเวลาออกเป็น 9เดือนต่อหนึ่งครั้งที่ต้องไปตรวจติดตามผล บางครั้งโรงงานติดธุระ หรือ EMR/OHSMR ดึงๆเวลาหน่อย ขอเลื่อนการตรวจออกสักหนึ่งถึงสองเดือน กลายเป็นเกือบปี ค่อยไปตายเอาดาบหน้า หรือขอไปทดเวลาบาดเจ็บในครั้งหน้าก็แล้วกัน ก็เป็นเทคนิคที่ EMR/OHSMR ไม่ควรใช้บ่อย ยกเว้นจำเป็นจริงๆ หรือเข้าตาจน หากให้ผู้ตรวจประเมินมาตอนนี้ พบข้อบกพร่องมากมาย ส่วนใหญ่ก็ปัญหามาจากพนักงานที่เก่งหรือเป็นระบบมากหน่อย ลาออกไปซะส่วนใหญ่ ยามปกติ EMR/OHSMR ต้องสร้างคนรองรับไว้ตลอด หรือแม้แต่ EMR/OHSMR ต้องลาออก ก็อย่าให้องค์กรสะดุด ปกติผู้เขียนมักจะสร้างมือที่สองรองรับไว้ เพราะบางครั้งการเป็น Department Manager ด้วย หรือมีปัญหาจากน้องๆทำงานผิดพลาด หรือเรื่องไม่คาดฝัน เราอาจต้องลาออกแสดงความรับผิดชอบแทนก็มี จะไปให้ลูกน้องๆรับผิดชอบได้อย่างไร ปกติหัวหน้าต้องรับผิด ส่วนความชอบควรเป็นของน้องๆ เปรียบแล้ว การเป็นผู้จัดการก็เหมือนการเป็น  สส ในสภา บางครั้งมาเร็ว ก็ไปเร็ว

11 การตรวจประเมินใหม่ (Re-Assessment หรือ Re-Audit) คือการตรวจประเมินใหม่ภายหลังครบระยะเวลาที่ได้รับการรับรองสามปี ข้อมูลเก่าถือว่ายกเลิกกันไป เริ่มนับหนึ่งกันใหม่ ถ้าจะเปลี่ยนหน่วยงานที่ให้การรับรองมักจะปรับเปลี่ยนกันช่วงนี้ บางโรงงานยื่นรับรองมากกว่าหนึ่งแห่งก็มี เพราะว่าอาจถูกลูกค้าร้องขอมา ถ้าได้รับรองจากหน่วยงานรับรองแรก พอยื่นสมัครที่หน่วยงานรับรองที่สอง อาจได้สิทธิพิเศษ เข้ามาสุ่มตรวจผลการแก้ไข ขอดูผลการตรวจประเมินจากCB แรก หรือทำตามเงื่อนไขของแห่งที่สอง สามารถ Transfer เพื่อออกใบรับรองระบบใบที่สองได้ อาจใช้วันตรวจประเมินเพียง1-2 วัน ขึ้นกับCB นั้นๆ จะเสนอเงื่อนไขใดมาให้ แต่มักจะเล้าใจ ราคาถูกลงมาก อย่างน่าใจหาย ก็เป็นธรรมดาที่แต่ละCB ต้องชิงส่วนแบ่งการตลาด 

ในBlog ที่ 3 ของ quality1996-quality1996.blogspot.com/  ผู้เขียน ได้เขียนถึงคุณสมบัติของผู้ตรวจสอบภายในไปแล้ว หากคนของโรงงาน สนใจที่จะไปสมัครเป็นผู้ตรวจประเมินภายนอกบ้าง ก็ต้องไปสมัครที่หน่วยงานให้การรับรอง(Certification Body:CB) ต้องไปเป็นผู้ตรวจประเมินฝึกหัดก่อนสักระยะเวลาหนึ่ง อาจหนึ่งถึงสองปี จึงจะสามารถขึ้นทะเบียนเป็น Registered Auditor มีหลายสถาบันที่สามารถขึ้นทะเบียนได้ถ้าคุณสมบัติครบถ้วน เช่น IRCA ของประเทศอังกฤษ อื่นๆ
ส่วนใหญ่ CB จะรับผู้จบจากสายวิศวกรรมศาสตร์มากที่สุด และสาขาวิทยาศาสตร์ด้วย สาขาอื่นๆก็มี 

คุณสมบัติของผู้ที่จะเป็น Auditor เพื่อไปสมัครกับCB ส่วนใหญ่มักกำหนดคุณสมบัติ เช่น
การศึกษา จบปริญญาตรีขึ้นไป
การฝึกอบรม สอบผ่านหลักสูตร Lead Assessor บางท่านไม่มี หาก CB สนใจคุณ หลังจากรับคุณเข้าทำงานแล้ว ก็จะส่งคุณไปอบรม
ประสบการณ์การทำงาน  เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการประกันคุณภาพ(QA) หรือการควบคุมคุณภาพ (QC)ของ QMS Auditor บางแห่ง (CB)กำหนดอายุงานด้านนี้อาจ 2 ปี หากเป็น QMR/EMR/OHSMRมาก่อน ยิ่งดี หากเป็นงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับ ISO บาง CB ต้องการประสบการณ์ทำงานถึงสี่ปีก็มี
หากเป็น EMS/OHSAS Auditor มาจากการเป็น EMR/OHSMR ถือว่าประสบการณ์ตรง มาเป็นผู้ตรวจสอบฝึกหัดก่อนสักระยะ 
4 อื่นๆ ให้สอบถามจาก CB เพราะบางหน่วยงานที่รับขึ้นทะเบียนผู้ตรวจสอบ อาจต้องมีผู้สนับสนุน (Sponser) อย่างน้อยสองท่านรับรองประวัติการทำงานงาน และความประพฤติ ผู้สนับสนุนควรเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง มีตำแหน่งรับรองจากสถาบันที่มีชื่อเสียง หรือเป็น ผู้บริหารของ CB โอกาสได้รับการขึ้นทะเบียนสูงและที่สำคัญต้องทำงานเป็นผู้ตรวจประเมินฝึกหัดที่ตรวจมาแล้วประมาณ5-10 องค์กร(โรงงานหรือบริษัท)

ผู้ขียน ใช้คำว่า To be New EMR/OHSMR (รวมทั้ง New QMR) คือการเป็น MR (Management Representative) โดยจะเล่าสิ่งที่พบเห็นมาจากอดีตถึงปัจจุบัน บางครั้งมีน้องเก่าจากที่ทำงานเดิม ได้รับแต่งตั้งเป็น QMR/EMR/OHSMR มาถามว่าจะทำอย่างไร
สิ่งแรกต้องรีบศึกษาข้อกำหนดของ ISO9001:2015, ISO14001:2015, OHSAS18001:2007 (ISO45001) ศึกษาระบบงาน และ CAR เก่า ให้เข้าใจ การจะเป็นQMR/EMR/OHSMR ที่ดี คิดว่าทุกคนทำได้ โดยพยามยามทำงานเต็มที่ ทำด้วยใจ ต้องมีแผนปฎิบัติงานหรือ Action Plan แต่ทำแล้ว คงต้องปวดหัวบ้าง มีความกดดันบ้าง เพราะต้องพบกับคนจำนวนมากขึ้น ทุกฝ่ายที่อยู่ในระบบบริหารของสามระบบ ก็จะมาหาเรา 

ก่อนหน้านี้ผู้เขียนอยู่โรงงานหนึ่ง สภาพโรงงานก็พูดว่า แบบลูกทุ่ง แต่น่าแปลกใจ พนักงานมีความตั้งใจ สู้งาน และไม่ได้กลัว ISO คนที่กลัวISO น่าจะเป็นผู้จัดการกับที่ปรึกษาของบริษัทมากกว่า เพราะกลัวว่า ทำแล้วจะล้มเหลว ยื่นขอรับรอง จะสอบไม่ผ่าน ช่วงสร้างระบบโดยใช้ ISO เข้าไป พยายามทำให้กลมกลืน อย่าไปฝืนหรือบังคับใจพนักงาน โรงงานสภาพนี้พนักงานส่วนใหญ่ก็บรรดา พี่ ป้า น้า อา การศึกษาไม่สูง บางคน ปยังไม่จบก็มี (สมันนี้เป็น ป6) EMR/OHSMR/QMR ต้องชี้นำ ทีละขั้น เรียกประชุมบ่อยครั้ง เน้นสอนISO ที่เกี่ยวข้องกับงานของพนักงานแต่ละส่วนงาน ปกติแล้ว เก่งไม่กลัว ที่กลัวคือไม่เก่งแล้วไม่ทำ” ทุกโรงงานก็มีคนประเภทนี้ ยิ่งแบบศรีธนนชัย เรียก พี่ ก็มีทุกแห่ง ขอให้ MR ไม่ต้องไปห่วงเขามาก เพราะเขาสามารถเอาตัวรอดได้ เรียกว่า คืนนั้นทั้งคืน นั่งปั่น นั่งแต่ง เป่าและเสกจนได้เอกสารครบถ้วน ผู้เขียนย้ำเสมอว่า ทำISO ให้เหมือนเรารับประทานข้าว ควรรับประทานทุกวันสม่ำเสมอ อาการไฟล้นก้นจะไม่พบเห็น 

แต่แปลกชีวิตจริงในโรงงาน ก็พบเห็นเสมอ ก่อนผู้ตรวจสอบจะมาหนึ่งวัน เรียกว่าฝุ่นตลบทั่วโรงงาน มองไม่เห็นหน้าพวกศรีธนนชัย แต่แปลกตรงที่พวกศรีธนนชัย มักไม่กลัว ISO แต่กลัว 5ส เหตุผลเพราะว่าโรงงานนั้น กรรมการผู้จัดการเอาจริงจังกับเรื่อง 5ส ก่อนทำISO หรือระหว่างทำ ควรเน้น5 เป็นฐานรากเลยก็จะดีไม่น้อย 

EMR/OHSMR ควรใช้จังหวะเป็นโอกาส ช่วงนำระบบบริหารคุณภาพมาใช้ ถือโอกาสปรับเปลี่ยนสิ่งเก่าที่ไม่เหมาะสมออกไปเลย เพราะวัฒนธรรม(Culture) เหล่านี้ อยู่ๆจะไปเปลี่ยนแปลง มักได้รับการต่อต้าน บางครั้งก็ต้องพบกันครึ่งทาง เรียกว่าวัดครึ่งหนึง MR ขอครึ่งหนึ่ง  ช่วงนั้นบางสิ่งถูกปรับปรุงไป สุดท้ายไม่น่าเชื่อโรงงานที่ว่าลูกทุ่ง สามารถสอบผ่านได้รับการรับรองISO (ในยุคนั้น ที่สอบผ่านยากกว่าปัจจุบัน) เรื่อง คนจึงสำคัญที่สุดขององค์กร ผู้เขียน ก็เคยพบเห็น บางองค์กร คนก็เก่ง แต่ขาดระเบียบวินัย ไม่เอา ไม่ทำ ไม่สนใจในกติกา ถึงจะเป็นโรงงานที่ดีกว่า มีชื่อเสียงมากกว่า สุดท้ายการทำ ISO ก็ล้มลุกคลุกคลาน แก้ไขไปทีละเปาะ สภาพแบบนี้ EMR/OHSMR/QMR และทีมงานจะลำบาก สุดท้ายพบว่าทำISO มีคนไม่กี่คนรวมทั้งตัว EMR/OHSMR/QMR ทำให้หมด ตั้งแต่ไปช่วยตรวจ ช่วยทำCheck List ช่วยทำรายงาน ช่วยทุกอย่างจนจบ ถ้าพบแบบนี้ EMR/OHSMR/QMR จะหาทางออกอย่างไร
บางโรงงานก็มีทั้งคนรุ่นเก่า เลือดเก่า และคนรุ่นใหม่ เรียกว่าเลือดใหม่ หากระบบบริหารคุณภาพ หลอมหล่อให้เป็นหนึ่งเดียวได้ จะอยู่กันแบบมีพลัง แต่ส่วนใหญ่มักพบปัญหา เลือดเก่ามองว่าเงินเดือนน้อยกว่า ยังจะมาให้ทำ ISO ทำแล้วได้อะไรตอบแทน ดูคนรุ่นใหม่ มาทีหลังเงินเดือนสูงกว่า ซึ่งเด็กใหม่ ส่วนใหญ่ก็จบปริญญามา สังคมกำหนดและมีโอกาสมากกว่า จึงได้ค่าตอบแทนที่สูง จุดนี้หลายองค์กรต้องระมัดระวังดีๆเพราะสุดท้ายน้องใหม่ ทนแรงเสียดแทนไม่ได้ มักลาออกไป ทีมงานISO ก็โดนด้วย มักลาออกตามไปเช่นกัน ปัญหาเลือดใหม่ เลือดเก่ายังพอแก้ไขได้ 
แต่ปัญหาคนเก่าบางกลุ่มที่กอดคอกันรักษาผลประโยชน์กลุ่มตน คนใหม่มักโดนสกัดออกหมด พบแบบนี้จะนำระบบใด มาตรฐานใดมาใช้จะล้มเหลวหมด หากเป็นแบบนี้ น่ากลัวมาก จำได้ไหม ยุคลดค่าเงินบาท เศรษฐกิจไม่ดี ล่วงเวลาหาไม่ได้ เงินเดือนถูกลด ปัญหาตามมา คือ สิ่งของ หรือสินค้า ในโรงงานมักสูญหายบ่อย ผู้เขียนเคยดูแลคลังสินค้า ไว้เรื่องเก็บตกมาฝากเหล่านี้ จะเขียนลง Blog ที่10

หน้าที่หลักของ QMR/EMR/OHSMR ข้อกำหนดเรียกว่า MR คือ รณรงค์ ส่งเสริม และรักษาระบบบริหารคุณภาพ สิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย
งานหลักของ MR คือ ทำInternal Audit ควบคุมระบบเอกสารและบันทึกต่างๆ และประชุมทบทวนงานบริหารคุณภาพ สิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัยแต่ก่อนนิยมทำ Internal Audit ปีละ2-3 ครั้ง ปัจจุบันทำแบบให้ถูกข้อกำหนดคือมีทำจริง แต่มักทำปีละครั้ง ระบบไม่ได้ถูกเข้มงวดต่อเนื่องทั้งปี งาน MR ก็จะมาหนักช่วงทำInternal Audit และการประชุมทบทวนงานบริหารคุณภาพ สิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย(Management Review Meeting) MR ควรจัดให้มีการทำInternal Audit กรณีพิเศษ ถึงระบบจะระบุให้ทำปีละครั้งเท่านั้น แต่เราทำปีละสองครั้ง หรือมากกว่า จะได้มีวงจร(Cycle) แบบที่ว่า หกเดือนทำหนึ่งครั้ง หรือทุกๆสี่เดือนทำหนึ่งครั้ง หากทิ้งช่วงนานไป เรียกว่า สนิมขึ้นนั่นเอง
ส่วนการประชุมทบทวนงานบริหารคุณภาพ สิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัยจัดใหญ่ปีละหนึ่งครั้งเช่นกันหลังการทำ Internal Audit เสร็จ  ก็ควรเพิ่มเข้าไปในระบบโดยขอให้การประชุมประจำเดือนของผู้จัดการฝ่ายกับผู้บริหารระดับสูง ขอให้ผูกวาระของ ISO เข้าไป นำปัญหาเข้าไปเพื่อจะได้มีการสะสาง แก้ไขและปรับปรุงกันอย่างจริงจัง

ผู้ตรวจสอบของCB คิดอะไร (คงตอบแทนไม่ได้)
แต่ก่อนจะถึงวันถูกตรวจประเมิน ผู้ตรวจสอบของCB ก็มีการเตรียมตัว จัดทำCheck List หากว่าเคยตรวจประเมินโรงงานที่เป็นธุรกิจประเภทเดียวกันมาก่อน ผู้ตรวจสอบจะพบและศึกษาสิ่งต่างๆมาหมด ทั้งด้านเทคนิคและคุณลักษณะของผลิตภัณฑ์ หากมองในมุมมองผู้เขียน ซึ่งเคยเป็นผู้ตรวจสอบจาก CB มาก่อนเช่นกัน เข้าใจว่า ผู้ตรวจสอบทั้งหลาย ก็พยายามจะใช้ความรู้ความสามารถ มาช่วยยกระดับและปรับปรุงร่วมกัน ยิ่งเป็นโรงงานขนาดเล็ก อะไรก็ไม่มี จะช่วยได้มาก พอเป็นผู้ตรวจประเมิน(Auditor) มันก็เหมือนกับที่หลายคนพูดว่าเป็นเพชรฆาตโรงงาน คงไม่ร้ายแรงขนาดนั้น เพียงแต่เสมือนว่ามีวิญญาณของความเป็นเหยี่ยว ก็ต้องบินล่า(เหยื่อ)ข้อบกพร่องให้พบ สุดท้ายไม่พบก็ไม่ว่าอะไร โรงงานอาจจะทำได้ดีจริง หรือบางอย่างยังแฝงเร้นไว้ ยังสุ่มตรวจสอบไม่พบ ไว้คราวหน้าค่อยมาตรวจติดตาม อย่างไรเสีย ตลอดเวลาให้การรับรองสามปียังต้องพบกันตลอด 

ผู้เขียนคิดว่าผู้ตรวจสอบส่วนใหญ่ หรือส่วนมากเลย ทำตามหน้าที่ให้ดีที่สุด จริงอยู่มักตรวจนาน ตรวจเกินเวลา (ผู้เขียนเคยให้ CAR ในใจ กับผู้ตรวจสอบCB ไปห้าแห่ง สมัยอยู่ห้าโรงงานเก่า และมีห้าCB มาตรวจ ที่ต้องให้ CAR ในใจ เนื่องจาก ผิดข้อ Contract Review ทุกครั้ง) หากคิดกลับ ตรวจมากๆไป ผู้ตรวจสอบก็ไม่ได้อะไรจากคุณ โบนัสก็ไม่ได้มีส่วนแบ่งด้วย แต่มีโรงงานหนึ่ง เขียนเพื่อเป็นอุธาหรณ์ ผู้บริหาร ตั้งค่าหัวAuditor ไว้ว่า ขอโทษพูดใหม่ ดังนี้ ท่านตั้งเป้าการตรวจประเมินว่า หากพบหนึ่ง CAR โบนัสลดหนึ่งเดือน ถึงไม่แปลกใจ ปกติจับเรื่องเอกสารก็พบผิดหรือบกพร่องบ่อย ครั้งนี้ไม่พบ เพราะพนักงานบอกว่า ทุกคนนั่งตรวจเอกสารทุกใบ ทุกแฟ้ม พอโดนเข้าไปหนึ่งCAR ผู้ตรวจสอบเกือบจะไม่ได้ออกจากโรงงานซะแล้ว ขอบคุณพระเจ้า ที่ลูกรอดออกมาได้
อให้ EMR/OHSMR พยายามสร้างความเข้าใจให้ทุกฝ่ายมีมิตรภาพกับผู้มาเยือน การให้เกียรติ ให้ความนับถือในตัวผู้ตรวจสอบที่เราเรียก อาจารย์ ถือว่าเป็นมิตรภาพที่ดี สุดท้ายอาจารย์ก็ใจอ่อน บางเรื่อง EMR/OHSMR หรือ QMR ก็สามารถขอปรึกษาส่วนตัว จะได้ลด 50 % อันนี้ผู้เขียนพูดเอง  สุดท้ายเรื่องลักษณะนี้ EMR/OHSMR/QMR ต้องพยายามทำให้มีบรรยากาศในการตรวจสอบที่ดี บรรยากาศแบบสบายๆ ไม่เคร่งเครียดต่อกัน การอำนวยความสะดวกเต็มที่ เพราะทุกคนมีหน้าที่และความรับผิดชอบ ที่ต้องแสดงบทบาทของแต่ละคนออกมา

ผู้เขียนของยกตัวอย่าง บี้ เดอะสตาร์ หรือ คุณสุกฤษฎ์ วิเศษแก้ว เป็นนักร้องนักแสดง เรื่อง ข้ามเวลาหารัก คู่กับนางเอก นก สินจัย ที่ทีวีช่อง 5 มีหน้าที่ ต้องแสดงละคร มีความรับผิดชอบ ต้องแสดงเต็มที่ เล่นละครให้ครบทุกตอน ไม่มาสายให้เพื่อนๆที่กองถ่ายต้องรอนาน บทบาทที่ออกมาในมาดพระเอก จะเล่นออกมาให้เป็นผู้ร้ายย่อมไม่ได้ ในทางกลับกัน เมื่อ คุณบี้ อยู่บ้าน ก็มีหน้าที่คือลูกของคุณพ่อ คุณแม่ มีความรับผิดชอบต้องดูแลท่าน บทบาทที่บ้านออกมาคือลูกที่ดี มีความกตัญญู นอบน้อมต่อบิดาและ มารดา
ผู้เขียนนึกถึง สมัยโน้น ที่พี่เบิร์ด ธงไชย ดังกระหึ่มทั้งประเทศ ยังไม่มี บี้ ยังไม่มีตูมตามและนท (ผู้หญิง) ช่วงถัดมาก็มี คุณศรราม มีเต๋า สมชาย ผู้เขียนก็มีเป้าหมายของชีวิตคือ อยากเป็นนักร้องด้วยเช่นกัน คิดจะเอาอย่างพี่เบิร์ด ตามอย่างคุณศรราม หรือตามแบบเต๋า ใจจริงผู้เขียนชอบเต๋ามากๆ ถึงขนาดเคยเปลี่ยนชื่อเล่น มาเป็น เต๋า ห้ามเรียกว่า เต่า(มีกระดอง) แต่ตอนนี้จะไม่เอาอย่างเต๋า สมชายที่ใจร้อน เป็นพระเอก แต่กลับไปออกบทบาทผู้ร้าย ชกต่อยผู้อื่น หลังศาลจังหวัดลำปางพิพากษาให้จำคุกคุณเต๋า เป็นเวลา 15 วันโดยไม่รอลงอาญาเมื่อเดือนที่แล้ว ถือว่าเป็นอุธาหรณ์
บางครั้งเป้าหมายคุณภาพไม่สำเร็จ ใน ISO ให้ทำแผนปฎิบัติการได้ หากยุคนั้น เดอะสตาร์ก็มา ดันดาราก็มี เวทีเอเอฟ อคาดิมี่ เกิดขึ้นแล้ว เราคงไม่ได้พบกันที่เวบบอร์ดนี้ น่าจะพบกันที่แกรมมี่ หรือ อาร์เอส หรืออาสยาม เอาละผู้เขียนคั่นเวลาเล่าความในใจให้ฟังมามากโข ขอกลับเข้าสู่บทความ 

การตั้งรับกับผู้ตรวจสอบของCB จะทำอย่างไร หรือคิดไว้รับมือกับผู้ตรวจสอบประเภทขึ้นบัญชีดำ (Black List)
ที่เขียนหัวข้อนี้ เพื่อให้เห็นภาพ ซึ่งในชีวิตจริงนั้นมี และผู้ตรวจประเมินก็รู้ทัน แต่ไม่พูด ไม่ว่าอะไร
ฉะนั้น บางเรื่อง บางหัวข้อไม่ควรกระทำ พนักงานที่มีอายุการทำงานต่ำกว่า 13 ปีควรได้รับคำแนะนำจากผู้ปกครองและ EMR/OHSMR 
1 คิดว่า จะทำอย่างไรถึงจะถ่วงเวลาผู้ตรวจสอบของCB มีวิธีการคือ พาไปรับประทานอาหารนอกโรงงานช่วงพักเที่ยง โดยแจ้งว่าอาหารที่โรงอาหารหมด คิดว่าพรุ่งนี้ผู้ตรวสอบคงพกข้าวเหนียวหมูปิ้งมากินเอง หรือพกมาม่า คัพ
2 เวลาผู้ตรวจสอบถาม ตอบให้ตรงคำถาม ไม่ต้องอธิบายมาก ให้ข้อมูลมาก ยิ่งถูกตรวจนาน(ถ้าอยากกลับบ้านเร็ว)
3 เวลาจะส่งเอกสารให้ ต้องชำเลืองดูเนื้อในด้วย ส่งสุ่มสี่ สุ่มห้า โดนCAR บางครั้งมีจดหมายกิ๊ก มีรูปนางแบบ รักษาหน้าของเราบ้างนะ

4 EMR/OHSMR ต้องกำหนดทีมตามประกบผู้ตรวจสอบ มอบหมายให้คนไหนเป็นตัวหลักที่จะตอบ ห้ามแย่งกันตอบ หากตอบไม่ตรงกัน เผลอๆโดนCAR
5 เวลาส่งเอกสารให้ผู้ตรวจสอบ ห้ามส่งให้ทั้งแฟ๊ม ให้หยิบทีละใบ ทีละชุด ให้เท่าที่ขอดู
6 ทีมตามประกบผู้ตรวจสอบ ให้จดทุกคำพูดของผู้ตรวจสอบ จดทุกหลักฐานที่ถูกขอดู เชื่อได้แน่นอน จะถูกตามไปดูกับส่วนและฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เช่น จดล๊อตสินค้าที่คลังสินค้า จะถูกตามไปที่QC Final มีการทำ Environmental Aspect หรือไม่ (EMS) ไปที่ QC Incoming หรือว่าที่ฝ่ายต่างๆบนสำนักงาน (Office)ว่ามีการประเมินความเสี่ยงหรือไม่ (ของ OHSAS)ไปที่ฝ่ายจัดซื้อ ว่าซื้อวัสดุที่มาผลิตสินค้าล๊อตนี้จากซัพพลายเออร์ที่อยู่ใน AVL หรือ ASL หรือไม่ เป็นต้น

7 ศึกษานิสัยใจคอ ของผู้ตรวจสอบแต่ละท่าน หากจะชวนคุยบ้างจะได้สนุก ไม่จำเจ บางคนชอบพระเครื่อง บางคนชอบเรื่องแสตมป์ แต่กลับไปชวนคุยเรื่องฟุตบอล จุดนี้ไม่ต้องสอนพวกศรีธนนชัย รู้จักใช้เวลาจุดนี้เป็นประโยชน์ แต่อย่าดึงเวลาจนไม่น่าดู อาจถูกทดเวลาบาดเจ็บได้
8 อย่าพาผู้ตรวจสอบไปตรวจเอกสารที่ห้องทำงานของคุณ ให้จัดห้องตรวจเฉพาะ จะได้มีเวลาระหว่างไปหยิบ ไปหาเอกสาร ที่สำคัญต่างคน ต่างมองไม่เห็นกัน ว่าทำอะไร จิตใจจะได้สบาย เพราะเกิดผู้ตรวจสอบเห็นคาตา อาจทำใจไม่ได้ ถ้าจะทำต้องให้เนียน อย่างไรเสีย ก็ลงเรือลำเดียวกันแล้ว จะ Make จะทำรายงานย้อนหลัง ก็ไม่ว่ากัน อย่าให้เหมือนสมัยเรียนมหาวิทยาลัย มานั่งอ่านหนังสือสอบทั้งคืน ไฟล้นก้น บอกกับตัวเองว่า พอเปิดเทอมหน้า จะเริ่มอ่านทุกวัน ผู้เขียนขอเล่าให้ฟัง สมัยก่อนที่จะสร้างห้างมาบุญครอง ตรงข้ามกับสยามสแควร์ (Siam Squire) กรุงเทพฯ บริเวณตรงนั้นคือ หอพักเจ้าจอม สภาพก็เก่ามาก ขมุกขมัว พรุ่งนี้จะสอบ คืนนั้นทั้งคืนไปดูได้ ไฟเปิดสว่างทั้งหอ พบนกฮูก นั่งกินบะหมี่มาม่า ตาแดงเต็มไปหมด

9 ที่โดนCAR บ่อยๆก็เพราะบางครั้ง มีผู้อื่นมาตอบแทนและให้ข้อมูลแทน คนที่ทำงานโดยตรงไม่ได้ตอบเอง ให้ชี้แจงไปว่า เป็นหน้าที่งานของใคร ขอให้คนนั้น ฝ่ายนั้นตอบเท่านั้น
10 ที่กล่าวมาข้างบนเป็นเรื่องมโนสาเร่ ที่นี่เรื่องจริงผ่านจอ คือ ก่อนผู้ตรวจประเมินจะมานั้น ให้ทำการอบรมพนักงานทั้งองค์กร ทำการสื่อสารว่าจะถูกตรวจประเมินวันไหน ย้ำด้านนโยบายคุณภาพอีกครั้ง
11 ให้แต่ละฝ่ายประชุมทีมงาน ติดตามการทำงานของพนักงาน ว่าใช้เอกสารถูกต้องตามระเบียบ ลงบันทึกข้อมูลครบถ้วน จัดเก็บเข้าที่ เข้าแฟ๊ม ให้ทดสอบค้นหาเอกสาร บันทึกและรายงานต่างๆได้ สามารถเข้าถึงข้อมูลในเวลารวดเร็ว จุดนี้บางครั้ง ไปดึงเกมส์ ทำหาไม่พบ ณ เวลานั้น หรือพบแต่ล่าช้าแล้วค่อยๆมาให้ผู้ตรวจสอบดู หากกระทำบ่อยๆ มีโอกาสโดน CAR ก็ได้ ณ เวลานั้น เพราะผู้ตรวจสอบมีโน๊ตไว้ ว่าขอดูอะไร แต่บางครั้งมีลืมเหมือนกัน หรือเวลาหมดก่อน กรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา เพราะผู้ตรวจสอบต้องเตรียมทำประชุมปิด(Closing Meeting) อย่างนี้เรียกว่าโชคช่วย
12 EMR/OHSMR เข้าสุ่มตรวจสอบความพร้อมของแต่ละฝ่าย ติดตามงานค้างของทุกฝ่าย เช่น คำแนะนำจากผู้บริหารตอนทำการประชุมงานทบทวนบริหารสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัยคืบหน้าถึงไหน ใบ CAR ที่ถูกตรวจติดตามภายใน(Internal Audit: IA) ปิดเรียบร้อยแล้ว เนื้อหาใจความที่ปิดสมบูรณ์แบบจริงๆคือมีประสิทธิผล

13 ติดตามประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม และความเสี่ยงต่างๆ ว่ามีปฎิบัติการจริง ได้ผลหรือเป็นไปตามแผนงานหรือไม่
14 ก่อนวันตรวจประเมินจริง ต้องนัดแนะกับฝ่ายขายให้ชัดเจนว่าถูกตรวจประเมินวันไหน มิฉะนั้นเซลล์(Sale) หรือผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด มักออกเยี่ยมลูกค้าตรงกับวันตรวจประเมิน สุดท้ายจะเหลือแต่ผู้จัดการฝ่ายขายกับ EMR/OHSMR/QMR มานั่งตอบแทน ต้องฝึกให้ผู้เกี่ยวข้องมารับการตรวจประเมิน เพื่ออนาคตนำไปปฎิบัติได้ถูกต้องด้วยตนเอง
15 ไปติดตามในพื้นที่โรงงาน โดยกำหนดทีมงานไปสำรวจ ทั้งการชี้บ่ง การวางพื้นที่ของดี ของเสีย และรอพิจารณา ให้ทุกฝ่ายทำ 5ส  ก่อนถึงวันตรวจจริง โรงงานสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อย ก่อให้เกิดความปลอดภัยและเป็นหน้าตาของษริษัทด้วย คงไม่มีโรงงานสกปรก รกรุงรัง ที่ไหน ได้รับรางวัลจากบุคคลหรือองค์กรภายนอก

ผู้เขียน มีเรื่องเล่าให้ฟัง มีพี่เป็นเจ้าของโรงกลึงแห่งหนึ่ง ลักษณะงาน ตามเนื้อตัวก็ต้องเปื้อนมอมแมม ขี่รถมอเตอร์ไซด์เวสป้า เจอตำรวจท่านหนึ่งเรียกตรวจ ขอดูใบขับขี่ก็มี ขอดูบัตรประชาชนก็มีให้ดู ขอดูคู่มือจดทะเบียนรถก็มีพกติดรถ ตรวจสอบองค์ประกอบรถก็ครบ กระจกมองข้างซ้ายขวามีครบ ไม่แตก ไฟส่องสว่างครบทุกดวง ตรวจทะเบียนรถถูกต้อง ติดใบหรือป้ายต่ออายุรถทุกปี ใส่หมวกกันน๊อกด้วย สุดท้ายตำรวจจะเขียนใบสั่งว่า รถเฮียสกปรก มีทั้งเปื้อนคราบน้ำมัน ตามตัวรถมีทั้งฝุ่นและโคลน ฟังแล้วงงเหมือนกัน ต้องไปดูกฎหมายการจราจรระบุอย่างไร หากมีเขียนไว้เราก็ผิดข้อกำหนด หากเป็นมาตรฐานISO มีเขียนข้อกำหนด(Requirement)ไว้ทุกข้อ หากไม่มีระบุผู้ตรวจสอบย่อมไม่กล้าระบุว่าไม่สอดคล้องตรงไหน หรือบกพร่องอะไร หมายความว่าออก CAR แบบสุ่มสี่สุ่มหก คงไม่ได้ โดนโต้แย้งแน่ นอน (ผู้เขียนจะหาเวลาทยอยเขียนเรื่องข้อกำหนด) ก็คล้ายกฎหมายว่ามาตราไหน หมวดใด

มีเรื่องเล่าให้ฟัง วันก่อนผู้เขียนพบรถปิคอัพจอดริมถนนแห่งหนึ่ง ซึ่งระบุว่าห้ามจอด ณ เวลานั้น ไม่เชื่อกับสายตาว่าตำรวจขี่รถย้อนศร โฉบมาในทิศทางที่ค้านสายตาคนดู และก้าวลงไปเขียนใบสั่งให้คนขับรถปิคอัพ ผู้เขียนคิดว่าในใจคนขับรถยนต์คันนั้นก็คงคิดแบบเราว่า ตัวท่านทำผิดกฏหมายแล้วมาปฎิบัติหน้าที่ในใจคิดอย่างไรหนอ? หากเป็นที่ประเทศอังกฤษ บอกได้ว่าตำรวจท่านนี้จะถูกประชาชนแจ้ง/ชี้ตัวว่ากระทำผิด จะถูกปรับและลงโทษแน่นอน ภาพที่เราเห็นลักษณะนี้จนเคยชินและยอมรับโดยปริยาย ถามว่าประชาชนที่ไหนจะกล้าออก CAR หรือชี้ให้จับท่านตำรวจที่ทำผิดกฎจราจรเสียเอง

16 ไปสุ่มตรวจสอบทั้งสโตร์และคลังสินค้า ดูการเคลื่อนย้าย การจัดเก็บ การบำรุงรักษา การบรรจุและการขนส่งว่ามีผลกระทบด้านสิ่งแวดล้แมหรือไม่ มีอุบัติเหตุและความเสี่ยงหรือไม่ 
17 วันที่ตรวจประเมินจริง ช่วงเช้าให้มีการประชุมหน้าแถวทั้งโรงงาน แจ้งให้พนักงานทั้งหมดทราบ ขอให้พนักงานร่วมมือกับผู้ตรวจประเมิน มีและแสดงอัธยาสัยไมตรีต่อกันประดุจญาติมิตร เหมือนกับที่ปฎิบัติต่อแขกที่มาเยี่ยมชมโรงงาน

18  วันตรวจประเมินจริง ณ โรงงาน บริษัทต้องส่งรถยนต์ไปรับผู้ตรวจประเมิน (หากเดินทางมาเอง ทางCB คิดค่าใช้จ่ายในการเดินทางด้วย) บางครั้ง หรือทุกครั้ง EMR/OHSMR ควรไปรับผู้ตรวจประเมินด้วย เพื่อสร้างสัมพันธภาพที่ดี พูดคุยพอสมควร ต้องดูว่าผู้ตรวจประเมินต้องการเวลาพักผ่อนระหว่างเดินทาง หรือทำงาน และจัดเตรียมเอกสารหรือไม่ จะได้ไม่รบกวนสมาธิ ควรไปรับให้เช้าๆ อย่าดึงเวลาโดยการไปรับสาย จะทำให้การตรวจสอบล่าช้ากว่าแผนที่กำหนด ยกเว้นฝ่ายที่ถูกตรวจคนแรก ฝ่ายแรกไม่พร้อม ก็ขับรถยนต์ด้วยความเร็วสัก 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หรือทำแบบแท๊กซี่บางคัน พาอ้อมโลกสักนิด เข้าพื้นที่รถติดสักหน่อย (จริงๆแล้วต้องเผื่อเวลาการเดินทางไปรับผู้ตรวจประเมิน ควรใช้รถตู้ไปรับจะสะดวกดี นั่งก็สบาย ไม่ใช่จับอัดแบบปลากระป๋อง เพราะบางแห่ง บางครั้งผู้ตรวจประเมินมา5 คน จะให้นั่งเบาะหลัง 4 คน บางท่านน้ำหนักตัว 80 อัพ ก็มี หากวันนั้นฝ่ายบุคคลไม่เปลี่ยนใจหารถคันที่สองไปช่วย เหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น เรื่องแบบนี้ถ้าเกิดจริง ผู้ตรวจสอบมักไม่ถือสา เพราะเข้าใจสภาพโรงงาน บางแห่งก็ใช่ว่าจะดีไปทุกอย่าง เพื่อนของผู้เขียนเคยบอกว่า หากบริษัทไหน รถรับส่งพนักงานดีมาก ติดแอร์เย็นฉ่ำ สวัสดิการของโรงงานนั้นจะดีมากๆ หากสภาพรถวิ่งเปิดประทุนคล้ายรถเมล์วิ่งหัวตะเข้-ลาดกระบัง ขอให้ทำใจได้เลย สำหรับผู้เขียนคิดว่า เรามาทำงาน อย่าไปคิดมาก)

19 EMR/OHSMR ต้องเป็นผู้ฟังที่ดี ฟังสิ่งที่พนักงานบ่น หรือเล่าให้ฟัง อย่าลำคาญเขาเหล่านั้น ตั้งใจฟัง สิ่งที่เป็นประโยชน์ก็นำมาใช้ในการจัดการ ฟังเข้านานๆจะทราบว่าองค์กรเราเป็นอย่างไร สร้างเมื่อไร ใครเป็นหนี้ใคร ใครมีกิ๊ก ใครชอบยืมเงิน หากเป็นเรื่องส่วนตัวเขา ให้เคารพสิทธิส่วนบุคคล ฟังหูไว้หู นอกจากนี้จะพบว่าโรงงานเรามีทั้งเล่นแชร์ ขายแอมเวย์  มีเอ็มสตาร์ เยอะแยะมากมาย หากบอกน้องๆได้ ก็ขอให้ทำนอกเวลางาน EMR/OHSMR อย่าไปอุดหนุนซื้อก็แล้วกัน ไม่ต้องกลัวว่า บรรดาแม่ค้าเหล่านี้ จะไม่ช่วยทำ ISO   เพราะวันๆเวลาก็หมดไปอย่างรวดเร็ว บางครั้งยังต้องใช้ล่วงเวลามาทำงานปกติ 
20 บางหน่วยงานที่มีปัญหามาก ชอบปฏิเสธ CAR/NC ตอนทำ Internal Audit ใครบอก ใครทัก มักไม่ฟัง บางครั้ง EMR/OHSMR จำเป็นต้องยืมดาบผู้ตรวจสอบบ้าง เมื่อมีการตรวจติดตามผล(Surveillance)จากผู้ตรวจสอบจาก CB ให้ชี้เป้าให้โดนCAR บ้าง พอคนนอกบอกหรือกล่าวใดๆ มักเชื่อฟัง จะได้จบลงแบบแฮปปี้ เอ็นดิ้ง คือไม่ต้องมาทะเลาะกันระหว่างฝ่ายต่อฝ่าย

21 บางครั้งผู้ตรวจสอบเสร็จแล้ว หรือเปลี่ยนใจจะขอดูเพิ่มอีกหนึ่งฝ่าย EMR/OHSMR จงเลือกฝ่ายที่พร้อมที่สุดให้ถูกตรวจสอบกรณีพิเศษ ไม่ต้องคิดว่า ฝ่ายนั้นกวนโอ๊ย น้องISO ไปตามเรื่องทีไร โดนอัดกลับมาทุกครั้งน้องDC (Document Controller) ไปแจก ไปตามคืนเอกสาร ให้รอนาน ไม่สนใจ บ่นว่าอีกต่างหาก คราวนี้ต้องพาผู้ตรวจสอบเข้าเช็คบิลซะที จงนึกเสมอ หยิกเล็บก็เจ็บเนื้อ ยามเมื่อฝ่ายใดโดน CAR ตัว EMR/OHSMR หรือแม้แต่ QMR มักโดนด้วย มี CAR มากๆ ในองค์กร ผู้บริหารจะตำหนิหน่วยงาน ISO และ MR ทุกครั้งเช่นกันว่าดูแลระบบไม่ดี
22 อย่าไปอวดความรู้ว่ามีมากกว่าผู้ตรวจสอบ คนตรวจ(Auditor)อย่างไรก็ได้เปรียบคนถูกตรวจ(Auditee)
พื้นที่กว้างขวางมากมาย จำนวนหัวข้อที่ต้องถูกตรวจติดตามก็เยอะ เหมือนอยู่ในสภาพตั้งรับ จับตรงไหนก็ได้ ยิ่งเรื่องขาดประสิทธิผล(Effectiveness) ผู้ตรวจสอบไม่มั่นใจ สามารถให้ใบสั่งได้(ขอเรียกใบ CAR กรณีพิเศษ)

ช่วงที่ผู้เขียน ไปทำที่ปรึกษา หลายครั้งต้องลงไปรักษากาณ์ผู้จัดการให้บางโรงงาน หรือบางครั้งเป็น EMR/OHSMR ขัดตาทัพ ออกจากโรงงานก็มืดค่ำทุกครั้ง ช่วงนั้นเพื่อนๆก็ว่า ทำเสียระบบที่ปรึกษา กระโจนลงไปแบบทุ่มสุดตัว ควรออกจากโรงงานอย่างช้าไม่ควรเกินเวลา 17.00 น. แต่เหตุผลลึกๆ ต้องเห็นใจโรงงานขนาดเล็ก เพราะเป็นช่วงคนเก่าลาออกไป และหาคนใหม่ไม่ได้ บางครั้งยังเผลอคิดไปว่า เราเป็นพนักงานให้กับสามบริษัทนี้ด้วย

ผู้เขียน จำได้ว่า มีผู้ตรวจสอบท่านหนึ่งอยู่ SGS เป็นสุภาพสตรี เวลาพนักงานสงสัย ไม่เข้าใจ อาจารย์ก็ดีมากๆ สอนให้แบบติวเข้ม สอนนาน เป็นผลดี กับพนักงานเราเพราะได้รับถ่ายทอดประสบการณ์ บางครั้งการฟังจากผู้รู้ท่านอื่นๆ นับว่ามีประโยชน์ เพราะความรู้เรียนกันไม่หมด จึงบอกว่า EMR/OHSMR/QMR ไม่ควรไปอวดรู้ บางครั้งก็ทำเป็นไม่รู้และนั่งเงียบๆ ปล่อยให้อาจารย์สอนนานๆ พอดูนาฬิกา ปรากฎว่า ระฆังช่วย เอาไว้ทดเวลาบาดเจ็บกันในคราวหน้า (อย่างที่กล่าวไว้ สามปีอย่างไรเสียก็หนีกันไม่พ้น ผู้ตรวจประเมินมีเขียนไว้ว่า ตรวจอะไรไปบ้างแล้ว หัวข้ออะไรที่ต้องยกยอดไปตรวจติดตามคราวหน้า) พอแอบส่งข่าวไปยังส่วนงานที่ไม่ได้ถูกตรวจ พนักงานเฮ เฮ หมายถึงดีใจ 
บางช่วงที่ผู้ตรวจสอบได้ยินเสียงเฮดังๆ ถามว่าเกิดอะไร ก็ตอบไปว่า เป็นอย่างนี้ทุกเดือน เดือนละสองครั้ง ถ้าเฮลั่นแสดงว่า  ถูก? หากเสียงอุทานออกน้ำเสียงไปอีกแบบ เหมือนหมดอาลัย ซึมและเศร้า แสดงว่า ถูกเหมือนกัน คือ ถูกกินเรียบ จะมีให้เห็นทุกๆวันที่ 1 และ วันที่ 16 ของทุกเดือน

23 EMR/OHSMR ต้องคิดว่า บางครั้งลูกน้องทำผิด หากว่าไม่ใช่การจงใจกระทำผิด ความผิดนั้นเราต้องรับให้ ไม่ใช่ให้ลูกน้องรับผิดทั้งหมด เพราะการเป็นผู้จัดการนั้น ควรรับแต่ผิด ส่วนความดีความชอบควรเป็นของพนักงาน การเป็นผู้จัดการ ก็เหมือนเป็น สส. ในสภาผู้แทนราษฎร มาเร็ว ไปเร็ว ต้องมิตรแท้ประกันภัย
หมายเหตุ อย่าลืมไปเลือกตั้ง สส ในวันอาทิตย์ที่ 3 กรกฎาคม 2554
คำตอบ ไปเลือกตั้งแล้ว ผลการเลือกตั้งคือ ได้นายกหญิงคนแรกของประเทศไทย

สุดท้ายผู้เขียนมองว่า ขอให้ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ผิดคือผิด ถูกก็คือถูก รับไปตรงๆ สบายใจกว่า แล้วไปปฎิบัติการแก้ไข เพราะเรื่องระบบบริหารคุณภาพนั้นค่อนข้างกว้างและมีสิ่งที่ต้องทำมีมาก โอกาสเจอข้อบกพร่องเป็นเรื่องปกติ ในข้อกำหนดจึงมีระบุหัวข้อ การปฎิบัติการแก้ไข(Corrective Action) เมื่อผิดแล้วแก้ไข ถือว่าเป็นครู เป็นบทเรียนให้ปรับปรุง แต่บางองค์กรที่ผู้เขียนเคยทำงาน เคยตรวจประเมิน เคยเป็นที่ปรึกษา เคยไปตรวจสอบซัพพลายเออร์ หรือเคยไปเป็นวิทยากรอบรมภายในให้นั้น รวมๆแล้วเคยเห็นโรงงานอื่นๆมามากกว่า 200 แห่งมีทั้งขนาดใหญ่ ขนาดกลาง ขนาดเล็ก จนถึงตึกแถวด้วยนั้น แต่ละแห่งไม่เหมือนกัน บางแห่งมีความกดดันต่อพนักงานมาก พบCAR ไม่ได้เลย ถือเป็นเรื่องใหญ่มาก อาจถูกทำโทษ หรือไปลดเกรด ลดผลการทำงาน(Performance)ทำให้ไม่ได้ขึ้นเงินเดือน  ก็อาจจะเป็นอีกเหตุผลที่พนักงานนั้นๆจำเป็นต้องทำทุกวิถีทางให้ตัวเองไม่ถูกตำหนิและลงโทษ แต่ไม่ใช่จะเป็นแบบนี้ทุกโรงงาน แค่เพียงส่วนน้อย มีอีกหลายโรงงาน ที่หากิจกรรมคุณภาพมาให้พนักงานมีส่วนร่วม เป็นการปรับปรุงองค์กรอย่างต่อเนื่อง เช่น ใช้ Suggestion หรือญี่ปุ่นทำ/เรียกว่า ไคเซ็น , QCC มาช่วยงานส่งเสริมคุณภาพและแก้ไขปัญหางาน ฉะนั้นการทำพื้นฐานด้าน5ส การทำISO ก็จัดเป็น Kaizen เหมือนกันคือเป็นการปรับปรุงองค์กรอย่างต่อเนื่อง(Continuous Improvement  แต่ในISO ใช้คำว่า Continual Improvement เคยอธิบายไปแล้วสองคำนี้แตกต่างกันอย่างไร)

ผู้เขียนขอเน้นว่า สำหรับผู้ที่เป็น New EMR/OHSMR ควรอ่านบล๊อก  quality1996-quality1996.blogspot.com/  ของ ISO 9001 ให้เข้าใจทุกบล๊อกตั้งแต่บล๊อกที่ 1-3 กล่าวเกี่ยวกับพื้นฐานและความเป็นมาของ ISO บทความที่ 4 เรื่อง Check List มีหลายหัวข้อเหมือนกันกับ ISO14001, OHSAS/TIS18001  บทความที่ 5 เรื่องข้อบกพร่องนำมาใช้ทวนสอบระบบได้ทั้งหมด ยกเว้นเรื่องออกแบบ (Design) หากว่าโรงงานท่านได้รับรองระบบ EMS(ISO14001)/OHSAS 18001 แล้ว จำเป็นต้องจ้างที่ปรึกษาหรือไม่ โดยทั่วไปผู้เขียนจะบอกเสมอว่าไม่จำเป็น ยกเว้นมีบางเหตุผลหรือ New EMR/ New OHSMR รวมถึง New QMR ของมาตรฐาน ISO9001(QMS) จะใช้ที่ปรึกษาเป็นคนกลางไปช่วยสื่อสาร ผลักดันระบบแทนชั่วคราว จะเขียนต่อด้านล่างว่าควรทำอย่างไร เมื่อต้องมาเป็น New EMR/ New OHSMR

โรงงานได้รับรองระบบ EMS(ISO14001)/OHSAS/TIS 18001 แล้ว สิ่งที่ New EMR/ New OHSMR รวมถึง New QMR ควรดำเนินการ คือ

1 สำรวจและทบทวนระบบว่าดำเนินการต่อเนื่องหรือไม่ ทุกฝ่ายต้องใช้ Procedure และทำตามทุกอย่างที่เขียนไว้หรือไม่ หมายความว่า ทำให้ตรงกับที่ระบุ ทั้งหัวข้อ เวลาและความถี่ ต้องรายงานใครบ้าง ส่งรายงานให้กับฝ่ายใดบ้าง

2 อบรมหลักสูตร Overview เพื่อทบทวนว่าข้อกำหนดมีอะไรบ้าง เอาที่สำคัญๆก่อน หรือไม่อบรมแต่จัดประชุมกลุ่มย่ิอย ปรึกษาหารือกันว่าแต่ละฝ่ายมีปัญหาใดบ้าง มีข้อเสนอแนะอย่างไร ช่วยกันสื่อสารว่าองค์กรเราทำ ISO14001 ทำ OHSAS/TIS18001 จากนั้นนำทุก Procedure ฉายขึ้น Projector มาศึกษาและทบทวน ถือว่าเป็นการอบรมเกี่ยวกับระเบียบปฎิบัติให้ทุกคนทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง

3 สื่อสารนโยบายสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัยอย่างต่อเนื่องให้พนักงานทุกคนทราบ
และมีส่วนร่วม จัดกิจกรรมวันสิ่งแวดล้อม สัปดาห์หรือเดือนแห่งความปลอดภัยเพื่อกระตุ้น สร้างความตระหนักร่วมกันทั้งองค์กร

4 สำหรับ ISO14001 หลังได้รับรองแล้ว ทำตามที่เคยทำไว้ สงสัยเปิด Procedure หรือ คู่มือดูให้เข้าใจและปฎิบัติตาม 

5 การประเมินประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม หรือ Environmental Aspect ให้ EMR นำของปีที่แล้วมากางดู
แล้วทบทวนว่า ปีนี้มีอะไรเพิ่มและเปลี่ยนแปลงแบบใหญ่ๆหนักๆหรือไม่ หากมีเพิ่ม ก็นำเรื่องนั้นมาประเมินตาม Procedure หมายความว่า ให้ลองทำตามทุกขั้นตอน หากผลออกมามีนัยยะสูง ให้เขียนแผนงานเพื่อลดผลกระทบและปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้นลงไป สำหรับ Aspect ที่สูง ให้พิจารณาความเสี่ยง (Risk) ด้วย แต่ต้องย้ำว่า Aspect กับ Risk ด้านสิ่งแวดล้อม เป้นคนละอย่างกัน ห้ามเข้าใจไขว้เขว

5.1 หากไม่มีเพิ่มอะไร ทุกอย่างเหมือนเดิม ให้ดู Aspect เก่าที่มีค่าสูงว่าทำตามแผนงานสิ่งแวดล้อมแล้วใช่ไหม หากทำสำเร็จก็ปิดแผนงานไป หากต้องทำต่อ ก็ทบทวน (Revise) แผนงานและทำต่อไปจนกว่าจะลดปัญหาสิ่งแวดล้อมนั้นลงจริงๆ เช่น มีปัญหาน้ำเสีย การแก้ไขระบุให้ทำบ่อบำบัดน้ำเสีย ก็ไปเขียนแผนงาน ระบุว่าทำบ่อบำบัดแบบใด ระยะเวลานานแค่ไหน ใครรับผิดชอบ งบประมาณเท่าใด หลังจากทำบ่อบำบัดเสร็จแล้ว มีการตรวจวัดค่าน้ำเสีย ปรากฎว่าเป็นไปตามกฎหมาย ก็ปิดแผนงานและ Aspect นี้ลองทบทวนและประเมินอีกครั้ง ผลลัพธิ์จะออกมาว่า นัยยะต่ำ ยอมรับได้

5.2 บาง Aspect สามารถกำหนดวิธีการควบคุมและลดปัญหาโดยใช้ WI (Work Instruction) ทำสักระยะ จากที่เคยประเมินว่า นัยยะปานกลาง สุดท้ายจะออกมาว่า นัยยะต่ำ ยอมรับได้

5.3 ให้ทำแบบนี้ โดยไล่เรียงที่ละหัวข้อของ Aspect จากนัยยะสูง ลงมาที่ปานกลาง ทำการแก้ไขและป้องกันด้วยแผนงานหรือ WI จนทุกเรื่องลดลงมาถึงนัยยะต่ำ และยอมรับได้ ก็จบกันไป

5.4 จากนั้นให้สำรวจและทำลักษณะนี้ทุกปี นำ Procedure เรื่อง Aspect มาฉายขึ้น Projector เชิญทุกฝ่ายมาร่วมประชุมและประเมินร่วมกัน คิดว่าทำได้โดยไม่ต้องจ้างที่ปรึกษา หากจะจ้างที่ปรึกษาก็เปลี่ยนเป็นให้มาทำ In-House Training เน้นเรื่อง Aspect สัก 1-2 วัน เป็นการประหยัดเงินงบประมาณด้วย

6 เรื่องกฎหมายสิ่งแวดล้อม ก็ไปค้นในราชกิจจานุเบกษา หรือจากกระทรวงต่างๆว่ามีเพิ่มเติมและแก้ไขกฎหมายใดบ้าง ก็ไปทำการ Up to Date ทะเบียนกฎหมายสิ่งแวดล้อม ทำประชุมกับผู้เกี่ยวข้องและสื่อสารออกไปเพื่อติดตามว่าทุกอย่าง Comply หรือปฎิบัติถูกต้องแล้ว อีกวิธีง่ายๆและติดตามความคืบหน้าด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม อาชีวอนามัยและความปลอดภัย ก็สมัครเป็นสมาชิก จำได้ว่ามีของ NPC
ของสยามเซฟตี้ มีค่าธรรมเนียมรายปี คือ หนึ่งพันสองร้อยบาท ชอบที่ใด ลองค้นหาและติดต่อ ทางนั้นจะสรุปให้เบ็ดเสร็จ นำมาทบทวนว่ากฎหมายนั้นเกี่ยวข้องกับองค์กรเราหรือไม่ หากเกี่ยวข้อง รับเข้ามา จากนั้นดำเนินการให้สอดคล้อง ก็จบไปเรื่องกฎหมาย

7 อีกเรื่องจะเป็นงานเหนื่อยให้กับ EMR หรือแม้แต่ OHSMR/QMR คือการทำ Internal Audit บางแห่ง Procedure กำหนดปีละสองครั้งหรือสามครั้ง บางแห่งก็ปีละครั้ง ก็ให้ทำตามที่กำหนด

7.1 เรียกประชุมทุกฝ่าย นำ Procedure เรื่อง Internal Audit มาฉายขึ้น Projector เชิญทุกฝ่ายมาร่วมประชุมและเตรียมการตรวจประเมินภายในร่วมกัน คิดว่าทำได้โดยไม่ต้องจ้างที่ปรึกษา หากจะจ้างที่ปรึกษาก็เปลี่ยนเป็นให้มาทำ In-House Training เน้นเรื่อง Internal Audit สัก 1-2 วัน โดยให้วิทยากรช่วยดู CAR/NC เพื่อให้ Internal Auditor เข้าใจและกระตุ้นทุกฝ่าย และเป็นการประหยัดเงินงบประมาณด้วย แต่ถ้าจะฝึกทำเองทั้งหมด EMR สามารถทำได้ โดยล้อเลียนของเดิมที่ทำไว้ และฝึกทำตามที่ละขั้น สักระยะจะเข้าใจกระจ่างและทุกฝ่ายทำได้

7.2 Internal Audit Plan  ที่ระบุทำ Internal Audit ปีละครั้ง หรือสองครั้ง ให้ทำแผนตามของเดิมปี 2017 โดยให้เพิ่มปี 2018 (ทำเอกสารอีกใบขึ้นมา) และควรทำแผนของปี 2019 ด้วย เพราะว่าผู้ตรวจเมินจาก CB มักถามว่าปีหน้าจะทำอีกเมื่อไร ก็หยิบแผนงาน Internal Audit Plan  Year 2019 (หมายถึงทำแผนล่วงหน้าอีก 1 ปี หรือจะทำล่วงหน้า 2-3 ปี สามารถทำได้)ให้ดูแนวโน้มในอดีตย้อนกลับไปสักสามปีว่าระบบเป็นอย่างไร ทำวิเคราะห์ข้อมูลไว้ด้วย และ EMR พยายามทำตามแผน หากไม่ได้ต้องปรับแผน และทำตามที่ปรับแผนต่อไป

7.3 Internal Audit Programme ที่ระบุว่าต้องตรวจฝ่ายใด เวลาไหน วันที่เท่าไร ให้ทำตามแบบเดิม ตรวจซ้ำเดิมก่อน หากมีผู้ตรวจสอบภายในลาออกไป ให้ฝึกอบรมเพิ่ม แต่งตั้งเพิ่มเข้ามา จำไว้แม่นๆว่า ตนเองตรวจฝ่ายตัวเองไม่ได้ ป้องกันการลำเอียง (Bias) คราวหน้าค่อยสลับทีมตรวจ ฝึกให้ทุกคนมีประสบการณ์ตรวจได้มากขึ้นและเก่งขึ้น


7.4 ถึงกำหนดก็ไปตรวจประเมินหรือตรวจติดตามภายใน โดยใช้ Check List เดิมก่อน หากมีคำถามเพิ่มให้เขียนลงไปในที่ว่างๆของ Check List นั้น เพิ่มนำมาปรับปรุง Check List ในอนาคตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น


7.5 ตรวจพบสิ่งที่ไม่สอดคล้องกับข้อกำหนด ไม่ตรงกับคู่มือการทำงาน ไม่ทำตามที่เขียนใน Procedure ให้ออก CAR วิธีการเขียน CAR ให้ดูตัวอย่างเก่า ฝึกเขียนให้ชัดว่า พบปัญหาอะไร ที่ไหน ฝ่ายใด หลักฐานใดให้ระบุชัดเจน เวลาจะตามไปปิด CAR ต้องสามารถย้อนกลับไปถูกที่ ถูกคน จากนั้นทำรายงานโดยทุก Internal Auditor ต้องส่งให้ EMR/OHSMR และฝ่ายที่ถูกตรวจด้วยที่เรียกว่า Auditee


7.6 EMR/OHSMR สรุปผลการตรวจติดตามภายใน พบกี่ข้อบกพร่อง ที่ใคร ฝ่ายใด เรื่องหรือหัวข้อใดใดบ้าง จะแก้ไขแล้วเสร็จภายในกี่วัน จากนั้นไปลง CAR/NC Log เพื่อใช้ติดตามผลการแก้ไขจนกว่าจะลุล่วง ข้อมูลสรุปจาก Internal Audit ให้สรุปผลสั้นๆเนื้อๆเข้าการประชุมหรือเขียนลงในรายงาน Management Review ดูรายงาน หรือ Management Review Minute/Report ไล่เลียงตามนั้นทุกประการ และต้องมี Comment ของผู้บริหารด้วย


7.7 จากนั้น EMR/OHSMR นำทุกเรื่องที่ค้าง และ Comment ไปติดตามผลการแก้ไขหรือกระทำ น่าจะเขียนเป็นแผนติดตามงาน และติดตามทุกโครงการ ทุกงานจนกว่าจะแล้วเสร็จ เพราะข้อมูลเหล่านี้จะนำเข้ารายงานในการประชุมงานทบทวนบริหาร (Management Review)คราวหน้าด้วย


8 สำหรับ OHSAS/TIS18001 จะมีเรื่องการประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment) และการประเมินด้านสุขภาพ ให้ New OHSMR ดำเนินการตามนี้


8.1 นำ Procedure เรื่อง Risk Assessment มาฉายขึ้น Projector เชิญทุกฝ่ายมาร่วมประชุมและประเมินความเสี่ยงร่วมกัน คิดว่าทำได้โดยไม่ต้องจ้างที่ปรึกษา หากจะจ้างที่ปรึกษาก็เปลี่ยนเป็นให้มาทำ In-House Training เน้นเรื่อง Risk Assessment สัก 1-2 วัน เป็นการประหยัดเงินงบประมาณด้วย


8.2 TIS18001 ระบุทำการประเมินความเสี่ยงปีละหนึ่งครั้ง ก็ให้ทำตามนั้น แต่ OHSAS18001:2007
ระบุทำการประเมินความเสี่ยงปีละหนึ่งครั้งแล้ว ตามข้อกำหนดที่แตกต่างจาก TIS18001-2542 ยังระบุว่า หากเกิดอุบัติเหตุ ต้องประเมินความเสี่ยงนั้นทันที แสดงว่าต้องทำซ้ำทันที ให้ทำตามที่ว่านี้และเก็บหลักฐานการประเมินความเสี่ยงใหม่ และไป Up Date ที่ทะเบียน Risk Assessment ด้วย
ปัจจุบัน TIS 18001-2554 ประกาศใช้แล้วจากกระทรวงอุตสาหกรรม ข้อกำหนดเหมือนกับ OHSAS18001:2007 ทุกประการ เรื่องสับสนเป็นอันจบสิ้นบริบูรณ์

8.3 การประเมินความเสี่ยง หรือ Risk Assessment ให้ OHSMR นำของปีที่แล้วมากางดู
แล้วทบทวนว่า ปีนี้มีอะไรเพิ่มและเปลี่ยนแปลงแบบใหญ่ๆหนักๆหรือไม่ หากมีเพิ่ม ก็นำเรื่องนั้นมาประเมินตาม Procedure หมายความว่า ให้ลองทำตามทุกขั้นตอน หากผลออกมามีนัยยะสูง ให้เขียนแผนงานเพื่อลดความเสี่ยงและปัญหาด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

8.4   หากไม่มีเพิ่มอะไร ทุกอย่างเหมือนเดิม ให้ดู Risk เก่าที่มีค่าสูงและอันตรายมาก ให้ตรวจสอบว่าทำตามแผนงานความปลอดภัยแล้วใช่ไหม หากทำสำเร็จก็ปิดแผนงานไป หากต้องทำต่อ ก็ทบทวน (Revise) แผนงานและทำต่อไปจนกว่าจะลดความเสี่ยงและปัญหานั้นลงจริงๆ 


8.5 ทุกปีต้องทำการประเมินความเสี่ยง ให้ทำตาม Procedure ทุกขั้นตอน


8.6 บางหัวข้อที่เสี่ยง สามารถกำหนดวิธีการควบคุมและลดความเสี่ยงโดยใช้ WI (Work Instruction) ทำสักระยะ จากที่เคยประเมินว่า นัยยะปานกลาง สุดท้ายจะออกมาว่า นัยยะต่ำ ยอมรับได้

8.7  ให้ทำแบบนี้ โดยไล่เรียงที่ละหัวข้อของ Risk จากนัยยะสูง ลงมาที่ปานกลาง ทำการแก้ไขและป้องกันด้วยแผนงานหรือ WI จนทุกเรื่องลดลงมาถึงนัยยะต่ำ และยอมรับได้ ก็จบกันไป ที่ต้องระมัดระวังคือ 

วันนี้ขอพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับความปลอดภัยและอุบัติเหตุสักนิด ผู้เขียนจึงเตือนมายังผู้ประกอบการที่ยังไม่เข้าใจ หรือไม่ทราบ 

* ผู้เขียนขอแนะนำทุกๆบริษัท โดยเฉพาะของคนไทย ควรมีผู้บริหารไปอบรม จป.ผู้บริหาร และส่งพนักงานไปอบรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยระดับหัวหน้างาน มิฉะนั้นเวลาเกิดอุบัติเหตุ และเรื่องเข้าถึงกองทุนเงินทดแทน เจ้าหน้าที่จะมาตรวจสอบที่สถานประกอบการ ที่ไม่มี จปว. จะเรียกขอ หรือขอดูการอบรมของผู้บริหารและของหัวหน้างานเกี่ยวกับความปลอดภัย หากไม่มีหรือไม่ถูกต้องตามกฎหมาย จะถูกปรับเป็นเงินมากโข เรียกว่าหลายแสนบาทก็มีแล้ว จัดอบรมดีกว่า เวลาเกิดเรื่องจะได้ไม่ยุ่งยาก ยิ่งอะไรที่เกี่ยวกับราชการ หรือกฎหมาย เรียกว่าเหนื่อยมากๆ

* ยิ่งโรงงานหรือบริษัทที่มีพนักงานตั้งแต่ 100 คน (ไม่ใช่ทำบุญร้อยวันนะ แต่เกิดอุบัติขึ้นมา ก็ใช่เลย)
ต้องมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยวิชาชีพ หรือ จปว. รวมทั้งบริษัท ที่มีผู้บริหารกลุ่มเดียวกัน หรือมีหลายโรงงานในรั๊วเดียวกัน นับจำนวนพนักงานรวมกันครบ 100 คน ก็เข้าข่าย ลักษณะแบบนี้ยังมีอีกหลายแห่ง หากเกิดอุบัติเหตุ จะถุกตรวจสอบเข้ม และปรับหนักพอสมควร ทำให้ถุกต้อง ปลอดภัยและสบายใจ

* ปัจจุบันโรงงานญี่ปุ่นมาตั้งที่ไทย มักมีพนักงานไม่ถึง 50 คน ไม่ต้องมีเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยด้านเทคนิค ไม่ต้องมี จปว. มักเป็นโรงงานขนาดเล็ก ผลิตชิ้นส่วน หรือ สินค้า ส่งกลับไปให้บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่น
แต่นิยมใช้เครื่องที่อัตโนมัติมากขึ้น พนักงานหนึ่งคน คุม 6-8 เครื่องจักรที่ใช้ผลิต ไม่เหมือนแต่ก่อน หนึ่งเครื่องใช้คนคุม 3-4 คน ข้อดีโรงงานญี่ปุ่น คือ เน้น 5 ส และตระหนักถึงเรื่องอุบัติเหตุ เราควรนำสิ่งดีๆมาประยุกต์ใช้กับพนักงานคนไทย

เขียนต่อคราวหน้า......................................


บริษัทให้คำปรึกษาและฝึกอบรมทุกระบบ/มาตรฐาน และกิจกรรมต่างๆ
Walk Rally เน้นพื้นที่ ระยอง กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี เขาใหญ่/นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ขอนแก่น นครสวรรค์ ลำปาง และเชียงใหม่  

สามารถ Click ดูที่ Web Blog ด้านล่าง
ISO9001: 2008, IATF16949  link ดูจาก   http://quality1996-quality1996.blogspot.com/
GHP/HACCP/ISO22000/ISO17025  link ดูจาก  http://qualitysolving.blogspot.com/
ISO14001, OHSAS18001, SA8000  link ดูจาก  http://safetysolving.blogspot.com/
Check List of ISO (MS):link ดูจาก  http://McQMRtraining-McQMR.blogspot.com/
หรือ SA8000 Check List link ที่    http://McQMRTraining.blogspot.com/

บทความด้านระบบการจัดการต่างๆของ McQMR และ Soonthorn  Ngamprompong หรือ             อาจารย์ศรราม (สุนทร งามพร้อมพงศ์) เป็นลิขสิทธิ์ของบริษัท KS NATION CONSULTANT CO.,LTD. ห้ามสำเนาและคัดลอกโดยไม่ได้รับอนุญาต Copy Right, All Right Reserved.   
ทีมงานพร้อมให้คำปรึกษา ISO และจัดทำ Pre-Audit, Special Internal Audit, Supplier Audit และCustomer Assign to Factory Audit/Delivery Audit

In-House Training and Consulting:
บริษัทให้คำปรึกษาจัดทำทุกระบบ link  :  http://ksnationconsultant.blogspot.com/  
ค่าฝึกอบรมสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้

สำหรับโรงงานที่ต้องการควบคุมและกำจัดสัตว์รบกวนและสัตว์พาหะ ทั้งแมลง ปลวก นก หนูต่างๆสามารถติดต่องาน Pest Control โดย Click:   http://www.nanoherb.com
*********************************************************************************

การอบรมภายในตระหนักถึงความเป็นส่วนตัวและข้อมูลส่วนบุคคล 

ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562

จึงขอแจ้งให้ทราบว่าจะมีนโยบายความเป็นส่วนตัวแจ้งให้ทราบทุกครั้ง

ที่ติดต่อเรื่องการอบรมภายในเพื่อแจ้ง KS Privacy Policy 

กรณีสงสัยสอบถามได้ที่ E-Mail: ksnationconsultant@hotmail.com